ปปง. เตรียมยึดทรัพย์โรงเรียนปอเนาะใน จ.ยะลา-ปัตตานีเพิ่มอีก
สายตาหวาดหวั่นเกิดขึ้นกับนักเรียนโรงเรียนอิสลามบูรพา อ.เมือง จ.นราธิวาส ทันทีหลังคณะกรรมการธุรกรรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือปปง มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของโรงเรียนอิสลามบูรพา เนื้อที่ 18 ไร่มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ตามความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการก่อการร้าย หลังเมื่อวันที่ 2 ก.ค. ปี 2550 เจ้าหน้าที่ได้เข้าปิดล้อม และจับกุมแนวร่วม 5 คน พร้อมของกลางอีกจำนวนมาก หลังจากนั้นศาลจังหวัดนราธิวาสได้พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย พร้อมพวก 7 คน ในข้อหาการก่อการร้าย อังยี ซ่องโจร และได้สั่งปิดโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 5 กรฎาคม ปี 2550 ก่อนจะกลับมาเปิดเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
คำสั่งของปปง. ทำให้ทางโรงเรียนอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะอุทธรณ์คำสั่งภายใน 90 วันหรือไม่ แต่ระหว่างนี้ยังเปิดสอน แม้ว่าจะมีนักเรียนไม่ถึง 100 คน เปิดทำการสอนได้แค่ 2 ชั้น จากเดิมที่จะมีนักเรียนมากกว่า 800 คน
คำสั่งยึดทรัพย์โรงเรียนอิสลามบูรพา โดยอ้างกฎหมายฟอกเงินฉบับใหม่ ที่เพิ่มความผิดมูลฐานความผิดในการการร้าย ที่รวมถึง บุคคล องค์กร หรือ นิติบุคคล ทำให้นักวิชาการด้านสันติศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มองว่า เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก เพราะสถาบันปอเนาะมีความหมายทางความรู้สึกของคนมุสลิมส่วนใหญ่ จึงอาจเกิดแรงกระเพื้อมทำให้เกิดการต่อต้าน และยังถูกมองว่า รัฐกำลังเกมส์สองหน้า เพราะก่อนหน้านี้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ขอให้โรงเรียนกลับมาเปิดสอนอีกครั้ง แต่ทางปปงกลับสั่งยึดทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ปปง.เตรียมเข้าตรวจสอบพฤติกรรม และเส้นทางการเงินของปอเนาะอีก สองแห่ง ในจังหวัดปัตตานี และยะลา หลังการเข้าค้น และจับกุมแนวร่วมในปอเนา และหากศาลตัดสินก็เข้าดำเนินการยึดทรัพย์เพิ่มเติม ท่ามกลางความห่วงใยของหลายฝ่ายว่าการกระทำเช่นนี้อาจเป็นเชื้อเพลิงก้อนใหม่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้