โครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติระบุชายรักชาย เสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีมากที่สุด
การให้คำปรึกษา และแนะนำการเข้าถึงสิทธิการรักษาให้แก่ผู้ป่วยโรคเอดส์ เป็นหน้าที่หลักในแต่ละวันของอาสาสมัครคนหนึ่งของชมรมผู้ติดเชื้อเอดส์ รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในผู้ป่วยเอดส์ที่เข้าไปรับการรักษาที่นี่ แต่ด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง จึงได้รับโอกาสให้ทำงานช่วยเหลือผู้ป่วยเอดส์ด้วยกัน เขาเล่าว่า ติดเชื้อเอดส์ตั้งแต่อายุ 22 ปี หรือ เมื่อ 7 ปีก่อน เพราะเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ซึ่งเป็นพฤติกรรมเสี่ยงติดเอดส์ ที่พบมากในกลุ่มชายรักชาย จึงหวังให้คนกลุ่มนี้ดูแลตัวเอง ลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เพื่อไม่ต้องพบกับเรื่องเลวร้ายเช่นเดียวกับเขา
ข้อมูลการตรวจหาเชื้อเอดส์ รวมถึงการรักษา ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ขณะนี้กลุ่มชายรักชายกลายเป็นกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ศ.นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย บอกว่า การป้องกันผู้ติดเชื้อรายใหม่ เฉพาะกลุ่มชายรักชาย เป็นยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นแก้ปัญหา ในวันเอดส์โลก 1 ธันวาคมปีนี้ ในประเด็น "Getting to zero เอดส์ลดให้เหลือศูนย์ได้" ตั้งเป้าภายในปี 2559 ต้องไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ไม่มีการเสียชีวิต และไม่เลือกปฏิบัติกับผู้ป่วยเอดส์ แม้ยอมรับว่ายาก จึงต้องรณรงค์ปรับทัศนคติประชาชนให้เห็นความสำคัญของการตรวจเอดส์
โครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ ระบุว่า ปีที่ผ่านมาทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อเอดส์กว่า 34.2 ล้านคน เพิ่มจากช่วง 10 ปี 5 ล้านคน สำหรับประเทศไทยคาดการณ์ว่าในปีนี้ มีผู้ติดเชื้อเอดส์รวม 1,157,589 คน เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 9,473 คน เฉลี่ยชั่วโมงละคน และกว่าร้อยละ 80 ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธุ์โดยไม่ป้องกัน ร้อยละ 62 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ เป็นกลุ่มชายรักชาย และเพื่อป้องกันความเสี่ยง คณะรัฐมนตรีจึงกำหนดให้วันที่ 1 กรกฎาคม ของทุกปีเป็นวัน "รณรงค์ตรวจเลือดหาเชื้อเอดส์แห่งชาติ" เริ่มตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป ซึ่งประชาชนรับการตรวจได้ฟรีที่โรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ