มติครม.ขยายขอบเขตเงิน 2,000 ล้านบาท เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง
วันนี้ (4 ธ.ค.) นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยมติคณะรัฐมนตรีโดยอนุมัติให้ขยายขอบเขตการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2555 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือ จำเป็น ภายในวงเงิน 2,000 ล้านบาท ตามมติครม.เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2555 ให้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเกี่ยวกับการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง หรือ ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการตามความจำเป็นและความเหมาะสมตามที่คณะกรรมประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะ กรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ หรือ ปคอป.
นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา แถลงว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้ง นายปกครอง ผาสุขยืด ให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ขณะเดียวกับเห็นชอบแต่งตั้ง นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
นอกจากนี้ยังแต่งตั้ง นายดล เหตระกูล ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป และเห็นชอบแต่งตั้งนายนำชัย หล่อวัฒนตระกูล รองผู้ว่าการวางแผนและพัฒนาระบบไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ.ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ 480,000 บาท กระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบแล้วตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอและให้ นายนำชัย หล่อวัฒนตระกูล ลาออกจากการเป็นพนักงานก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เสนอดังนี้
1. รับโอนและแต่งตั้ง นายวิทยา พานิชพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี(นักปกครองระดับต้น) กระทรวงมหาดไทยให้ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการ ศอ.บต. (นักบริหารระดับสูง) ศอ.บต.แทนที่ตำแหน่งที่ว่าง
2. ตัดโอนตำแหน่งเพื่อรองรับการแต่งตั้งรองเลขาธิการ ศอ.บต.เพิ่มขึ้นอีก 1 ตำแหน่ง จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
3. รับโอนและแต่งตั้ง ว่าที่ร้อยตรี เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี (นักปกครองระดับต้น) กระทรวงมหาดไทยให้ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการ ศอ.บต.(นักบริหารระดับสูง) ศอ.บต.ในตำแหน่งที่ขออนุมัติตัดโอนเพิ่มเติมจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยอาศัยมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารงานราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้พ.ศ. 2553 และกระทรวงมหาดไทยได้ตกลงยินยอมการโอนข้าราชการทั้ง 2 รายดังกล่าวแล้ว