เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ก่อนนำคณะรัฐมนตรีบางส่วน เดินทางไปพม่า เพื่อพบหารือกับ พล.อ.เต็ง เส่ง ประธานาธิบดีพม่า เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชน หลังถูกถามถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านและในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทำจดหมายเปิดผนึกกล่าวหาว่าการเร่งรัดแก้รัฐธรรมนูญ เป็นการทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นพี่ชายเพียงคนเดียว
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปฏิเสธแนวความคิดที่สวนทางกับคำแนะนำของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ระบุให้ทำประชามติก่อนการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ระบุว่า สาระสำคัญของจดหมายเปิดผนึก คือความรู้สึกที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยชี้ว่าเป็นวิธีการรื้อรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และความพยายามแก้ไขมาตรา 309 ที่มีลักษณะของการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้หลุดพ้นจากคดีต่าง ๆ แต่ในรายละเอียดของการดำเนินการคงต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลก่อน
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยืนยันว่าการออกจดหมายเปิดผนึกคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ขัดกับพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มาตรา 43 ตาม ที่กกต.ระบุ เนื่องจากผู้นำฝ่ายค้านหรือหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงพรรคไม่ได้ก่อความวุ่นวาย และมีคำกล่าวว่าสัญญาจะให้ หรือ หลอกลวง บังคับขู่เข็ญตามข้อห้ามของกฎหมายแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง เปิดเผยว่า การรณรงค์ไม่ให้ประชาชนไปใช้สิทธิในการลงประชามติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า อาจเข้าข่ายพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มาตรา 43 แต่ในสาระสำคัญไม่ได้ระบุว่า จดหมายเปิดผนึกของนายอภิสิทธิ์ จะเข้าข่ายความผิดหรือไม่ คงต้องรอดูการพฤติกรรมที่จะเกิดขึ้นก่อน
สำหรับจดหมายเปิดผนึกของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ (16 ธ.ค.) นอกจากคำชี้แจงว่าการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เข้าข่ายช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว เนื้อหาในจดหมาย ช่วงหนึ่งระบุว่า จะยืนหยัดเคียงข้างประชาชนเพื่อนำบ้านเมืองไปข้างหน้า หลังจากที่ติดหล่มผลประโยชน์ของคนคนเดียวจนบ้านเมืองเสียหาย มาร่วมกันคว่ำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ก้าวข้ามพันตำรวจโททักษิณ และนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า