ฟุตบอลลีกของอังกฤษถือเป็นลีกเดียวที่ไม่มีการพักเบรกหนีหนาว ที่สำคัญในช่วงบ็อกซิ่งเดย์ทีมต่าง ๆ ต้องลงเล่นถึง 3 นัด ในระยะเวลาเพียง 6 วัน ซึ่งถือเป็นบททดสอบสำคัญของทีมหัวตารางกับการเก็บคะแนนเพื่อลุ้นแชมป์ รวมถึงทีมท้ายตารางที่ต้องดิ้นรนเพื่ออยู่รอด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่แฟนบอลในอังกฤษจะให้ความสนใจกับผลงานของทีมต่าง ๆ ที่อาจชี้ขาดตำแหน่งแชมป์ในช่วงโปรแกรมหฤโหด ที่ถือเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนลีกใดในโลก
นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อเป็นพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 1992 - 1993 มีหลาย ๆ สถิติเกิดขึ้นในวันเปิดกล่องของขวัญโดยเฉพาะตำแหน่งจ่าฝูงที่ว่ากันว่า ทีมนำหลังจบโปรแกรมดังกล่าวมีโอกาสมากกับการคว้าแชมป์ลีกในบั้นปลาย ซึ่งจากสถิติ มีทั้งหมด 8 ฤดูกาลหรือเกือบร้อยละ 50 ที่ทีมจ่าฝูงหลังบ็อกซิ่งเดย์คว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ
และล่าสุดกับฤดูกาลที่แล้วทีมอย่างแมนซิตี้ก็สามารถทำได้สำเร็จเช่นกันจากมนต์ขลังทีมนำช่วงบ็อกซิ่งเดย์ ที่ทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี ชนิดที่กองเชียร์ปีศาจแดงต้องผิดหวังไปตาม ๆ กันจากประตูชัยช่วงทดเวลาบาดเจ็บของ เซร์คิโอ อกูเอโร่ ให้พวกเขาชนะควีน ปาร์คเรนเจอร์ส 3-2
แต่ถึงเวลานี้สื่อในอังกฤษต้องยกให้แมนยูไนเต็ดเป็นเต็งหนึ่งอย่างเต็มตัวกับโอกาสการคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 20 ของพวกเขา เพราะสามารถครองตำแหน่งดังกล่าวได้อย่างงดงามด้วยผลงานชนะรวดทั้ง 3 นัดต่อ นิวคาสเซิล, เวสต์บรอมวิช และ วีแกน พร้อมทำคะแนนหนีห่าง แมนซิตี้ แชมป์เก่าเป็น 7 แต้ม ซึ่งเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน น่าจะรู้ดีที่สุดกับสถานการณ์ที่เป็นต่อคู่แข่งในเวลานี้ เพราะเขาคือผู้จัดการทีมที่มีประสบการณ์มากสุดกับการพาแมนยูเป็นทีมนำช่วงบ็อกซิ่งเดย์ ก่อนจะคว้าแชมป์ได้สำเร็จถึง 3 ฤดูกาลในปี 1993 - 1994, 2000 - 2001 และ 2006 - 07
ขณะที่แฟนบอลควีน ปาร์ค เรนเจอร์ส คงต้องทำใจกับการรั้งอันดับสุดท้ายของตาราง เพราะจากสถิติที่ผ่านมามีเพียงทีมเดียวที่รอดพ้นการตกชั้นนั่นก็คือ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในยุคที่มีไบรอัน ร็อบสัน อดีตผู้จัดการทีมชาติไทย คุมทีมเมื่อฤดูกาล 2004 ถึง 2005