ปัญหาการรวบรัดดำเนินโครงการก่อสร้างระบบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ภายใต้พระราชกำหนดกู้เงิน 350,000 ล้านบาท เป็น 1 ใน 6 ข้อสังเกต ของสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย
ในงานรับฟังความเห็นจากนักวิชาการและวิศวกรหลายสำนัก นายสุวัฒน์ เชาว์ปรีชา นายกสมาคมวิศวกรรมสถานฯ เปิดเผยว่า หากโครงการผ่านการประเมิน จะมีผลกระทบทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อม จะถูกประชาชนต่อต้าน และไม่สามารถก่อสร้างได้ และส่งผลต่อภาระงบประมาณ
ขณะเดียวกัน โครงการขนาดใหญ่ที่ผูกขาดกับบริษัทเดียว และเวลาทำงานจำกัด อาจจะต้องจ้างบริษัทรับช่วงต่อ หรือ ซับคอนแทรก และฮั้วประมูล ซึ่งซ้ำรอยปัญหาก่อสร้างโฮปเวล และก่อสร้างโรงพักทั่วประเทศ
ขณะที่ นายอภิชาติ อนุกูลอำไพ ประธานอนุกรรมการวิชาการและวิเคราะห์โครงการ คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย กล่าวว่า เตรียมออกหลักเกณฑ์กำหนดคุณสมบัติบริษัทรับงานต่อจากผู้ชนะการประมูล เพื่อป้องกันปัญหาทิ้งงาน และรัฐบาลได้กำหนดกรอบวงเงินก่อสร้างสูงสุด รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดในหลักเกณฑ์การประมูล จึงไม่สามารถปรับเพิ่มวงเงินภายหลังได้
แต่จะนำข้อสังเกตของวิศวกรรมสถานฯ ไปหารือกับทีมกฎหมาย เพื่อเพิ่มความรัดกุมในทีโออาร์ คาดว่าจะเปิดให้เอกชนเข้ารับรายละเอียด ได้ในวันศุกร์นี้ (15 ก.พ.) ก่อนว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาควบคุมการทำงานของเอกชนตามสัญญา