ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวใหญ่ครั้งที่ 2 ในเนปาล เพิ่มเป็น 68 คน
แผ่นดินไหวรุนแรงครั้งใหม่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.35 น. ตามเวลาท้องถิ่น วัดความรุนแรงได้ถึง 7.3 จุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุ ไปทางตะวันออกประมาณ 76 กิโลเมตร และเกิดลึกลงไปใต้ดิน 15 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้ไกลถึงกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่ามีอาคารใหญ่ 2 หลังในกรุงกาฐมาณฑุพังถล่ม การประชุมสภาต้องหยุดกลางคัน สมาชิกสภาวิ่งหนีออกจากห้องประชุมกันอย่างโกลาหล
ขณะที่เขตโทละขะ (Dolakha) และเขตสินธุปัลโชค (Sindhupalchowk) ซึ่งเป็นพื้่นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดจากแผ่นดินไหวเมื่อปลายเดือนที่แล้ว เป็นจุดที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักอีกครั้ง บ้านเรือนจำนวนมากพังถล่ม นอกจากนี้ยังมีแรงสั่นสะเทือนหรืออาฟเตอร์ช็อกตามมาหลังเกิดแผ่นดินไหวได้เพียงครึ่งชั่วโมง วัดความรุนแรงได้ 6.3 และมีอาฟเตอร์ช็อกเกิดตามมาอีกหลายระลอก
ความรุนแรงของแผ่นดินไหวทำให้ผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวครั้งแรก ต้องตื่นหนีกลับเข้าไปหลบภัยในเต็นท์ ซึ่งเป็นที่พักพิงชั่วคราวที่ทางการจัดตั้งขึ้น
นอกจากนี้แผ่นดินไหวยังทำให้เกิดดินถล่มหลายจุด ทำให้การลำเลียงความช่วยเหลือ ไปให้กับผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว ในชุมชนห่างไกลแถบเทือกเขา ต้องเผชิญอุปสรรคและความยากลำบากมากขึ้น
กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติหรือยูนิเซฟ เปิดเผยว่า เขตกอร์ขา (Gorkha) ซึ่งอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวครั้งแรก มีดินถล่มเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ทำให้ถนนหลักหลายสายถูกตัดขาด
ทีมกู้ภัยต้องระดมกำลังค้นหาผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังอีกครั้ง ขณะที่กระทรวงมหาดไทยของอินเดียรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวในพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอย่างน้อย 17 คน ส่วนสำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวในทิเบต 1 คน เป็นสตรีที่ถูกหินถล่มทับรถ
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าเฮลิคอปเตอร์แบบยูเอช-วัน ฮิวอี้ (UH-1 Huey) ของหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ ที่เข้าร่วมภารกิจบรรเทาทุกข์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว ใกล้เขตจริโกฏ (Charikot) สูญหายไปพร้อมกับนาวิกโยธิน 6 นายและทหารเนปาลอีก 2 นาย ล่าสุดทีมค้นหายังไม่พบร่องรอยว่าประสบอุบัติเหตุทำให้มีความหวังว่า เฮลิคอปเตอร์ของหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐ อาจลงจอดฉุกเฉินที่ใดที่หนึ่ง