นางปราณี ศิริพันธ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า อียูได้ประกาศแก้ไขกฎระเบียบการบริหารโควตาสินค้าสัตว์ปีกจากประเทศที่สาม เพื่อป้องกันการเก็งกำไรซื้อขายโควตาระหว่างผู้นำเข้าในอียู ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกไทยจากการที่ผู้นำเข้าได้ผลักภาระต้นทุนการซื้อขายโควตาดังกล่าวมาที่ผู้ส่งออกไทย
นางปราณี กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารสินค้าสัตว์ปีกของอียูได้มีการลงคะแนนเสียงเพื่อแก้ไขระเบียบ Regulation (EC) No 616/2007 ลงวันที่ 4 มิถุนายน 2550 โดยมีสาระสำคัญของการแก้ไข โดยให้เพิ่มเงินวางประกันในการขอสิทธิการนำเข้า (Import rights) จาก 60 ยูโรต่อตัน เป็น 350 ยูโรต่อตัน (สำหรับการนำเข้าจากไทย) ใบอนุญาตนำเข้า (Import licenses) จะไม่สามารถโอนเปลี่ยนเจ้าของได้อีกต่อไป และมีอายุจนกระทั่งสิ้นสุดปีโควตา (สำหรับการนำเข้าจากบราซิลและประเทศอื่นๆ) แก้ไขปริมาณต่ำสุด-สูงสุด ของการยื่นขอสิทธิการนำเข้าและใบอนุญาตนำเข้า การให้บราซิลและไทยมีสิทธิในโควตากลุ่มประเทศอื่นๆ (Other Country) ทั้งนี้ ไทยจะมีสิทธิขอโควตาเพิ่มขึ้นในบางรายการ เช่น order number 09.4261 เป็นต้น
สำหรับผลการลงคะแนนนั้น คณะกรรมการฯ ตัดสินให้เป็นไปตามข้อเสนอ ซึ่งระเบียบที่แก้ไขนี้จะประกาศภายในวันที่ 28 มีนาคม 2556 เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายนนี้ต่อไป ดังนั้น การแก้ไขระเบียบดังกล่าวน่าจะสามารถลดปัญหาการเก็งกำไรซื้อขายโควตาได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสให้ผู้ส่งออกไทยส่งออกสินค้าไก่บางรายการเพิ่มขึ้น จากการที่อียูให้ไทยมีสิทธิในโควตากลุ่มประเทศอื่นๆ
โดย ปี 2555 ไทยส่งออกไก่และผลิตภัณฑ์ไปอียูทั้งสิ้น 230,767 ตัน มูลค่า 27,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 18 และ 7.5 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลจากการที่อียูเปิดตลาดไก่สดให้กับไทยอีกครั้งตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2555 ส่งผลให้อียูกลายเป็นตลาดส่งออกไก่สดและไก่ปรุงสุกอันดับต้นๆ ของไทย และคาดว่าปี 2556 ไทยจะสามารถส่งออกไก่สดไปตลาดอียูได้เต็มโควตาที่ 92,610 ตัน เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อนที่ส่งออกได้เพียง 3 หมื่นตันเศษ