หลายฝ่ายกังวลแกนนำบีอาร์เอ็นมีอำนาจควมคุมแนวร่วมระดับปฏิบัติการน้อยลง
วินาทีที่เสียงระเบิดดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงปืนที่กระหน่ำยิงใส่ เพื่อนทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจที่ 49 ขณะเดินเท้าลาดตะเวน บนถนนบ้านเจาะเกาะ ตำบลบูกิต อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ยังจดจำได้ดี สำหรับทหารพรานนายนี้ ที่พยายามยิงตอบโต้ ผู้ก่อเหตุที่กราดยิงมาจากทุกทิศทุกทาง แต่ก็ต้องเสียเพื่อนทหารไปสามนาย และบาดเจ็บอีก 5 นายจากการปะทะ
แม้การสอบสวนถึงสาเหตุของความรุนแรงครั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะให้น้ำหนักไปที่ ผู้ก่อเหตุต้องการตอบโต้ หลังแนวร่วมถูกยิงปะทะเสียชีวิต 1 คน ในตำบลมะรือโบออก อำเภอเจาะไอร้อง เมื่อสองวันก่อน แต่ประเด็นการสร้างเหตุรุนแรง เพื่อคัดค้านการพูดคุยสันติภาพ ก็ถูกนำมาวิเคราะห์เช่นกัน เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ในความดูแลเดิมของนายมะแซ อุเซ็ง แกนนำคนสำคัญ ที่ถูกออกหมายจับในคดีปล้นปืนจากกองพันพัฒนา 4 เมื่อวันที่ 4 มกราคม ปี 2547 ซึ่งยังคงหลบหนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน และถูกจับตามมองว่าอาจเป็นหนึ่งในแกนนำที่ออกมาพูดคุยสันติภาพกับรัฐ แต่กลับเกิดเหตุรุนแรงขึ้นในพื้นที่ความรับผิดชอบเดิมของเขา โดยมีกลุ่มก่อเหตุที่อาจจะนำโดยนายซูลกิปลี มานะ และนายมะรูดิง มามะ มือประกอบระเบิด ที่ถูกออกหมายจับในคดีความมั่นคงก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เกิดเหตุความรุนแรงขึ้น ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยที่จังหวัดยะลา คนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์ของอาสาสมัครรักษาดินแดนแล้วยิงซ้ำ ที่บ้านลูโบะตาโล ตำบลปุโรง อำเภอกรงปินัง ทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 6 นาย ส่วนที่จังหวัดปัตตานีเจ้าหน้าที่พบวัตถุต้องสงสัยและใบปลิวข้อความปลุกระดม บริเวณฝั่งตรงข้ามสำนักงานคณะกรรมการอิสลามกลางจังหวัดปัตตานี และเหตุระเบิดเจ้าหน้าที่ชุดลาดตะเวนในอำเภอเจาะไอร้องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งความรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้ ไม่เกินความคาดหมายของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ที่ได้สั่งกำชับให้ทุกหน่วยเฝ้าระวังพื้นที่ และฐานที่มั่นอย่างดีที่สุดระหว่างที่กระบวนการพูดคุยสันติภาพดำเนินไป