ป.ป.ช.โต้เรียกร้บ 600 ล้าน ออกคำชี้แจง ให้”ทักษิณ ชินวัตร” ส่งทนายเอาผิด
เหตุอดีตนายกฯ สไกป์ เวทีคนเสื้อแดง กล่าวหาเจ้าหน้าที่เรียกร้องเงิน 600 ล้านบาท ช่วยหลุดคดี ระบุยังมีเวลาเอาผิด ให้"ทักษิณ" แจ้งดำเนินคดีหากไม่ทำ ถือละเว้นปฏิบัติหน้าที่
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่เอกสาร เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 ชี้แจงสื่อมวลชนว่า..” ตามที่มีข่าวแพร่หลายในสื่อมวลชนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สไกป์มายังเวทีแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 19 พฤษภาคม 2556 ในงานชุมนุมรำลึกเหตุการณ์ 3 ปีที่มีการสลายการชุมนุม ซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งที่ได้กล่าวถึงสำนักงาน ป.ป.ช. ว่า “ในปี 2542 ได้เคยมีคนของ สำนักงาน ป.ป.ช. ชื่อนายแอ๊บ ยื่นข้อเสนอขอเงิน 600 ล้านบาท กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีซุกหุ้น ในช่วงก่อนการเลือกตั้งสมัยแรกของตน พรรคไทยรักไทย แต่ตนได้ตอบปฏิเสธไป” นั้น
สำนักงาน ป.ป.ช. ชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและเสียหายอย่างยิ่งต่อภาพลักษณ์ของสำนักงาน ป.ป.ช. และกระทบต่อความรู้สึกของบุคลากรของสำนักงาน ป.ป.ช. ตลอดเวลาที่ ผ่านมาบุคลากรทุกระดับปฏิบัติงานโดยปราศจากแรงกดดันจากฝ่ายใดทั้งสิ้น และยึดมั่นการทำงานอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงตามกฎหมายและปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ได้ข้อมูลพยานหลักฐานที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย และต้องทำให้สังคมเห็นชัดว่า สำนักงาน ป.ป.ช. เป็นองค์กรที่มีความเป็นกลาง เป็นธรรม และเป็นที่พึงของประชาชน อันเป็นจุดยืนในการทำงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และบุคลากรของสำนักงาน ป.ป.ช. ทุกคน
สำนักงาน ป.ป.ช. เห็นว่า ข้อมูลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อ้างว่า “คน ป.ป.ช. เรียกเงิน 600 ล้าน จากตนเพื่อช่วยเหลือคดีซุกหุ้น” นั้น ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 2 สมัย ซึ่งสามารถดำเนินคดีกับบุคคลนั้นได้ในช่วงเวลาดังกล่าว ในข้อหาเจ้าพนักงานทุจริตตามมาตรา 149 และ 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา แต่ก็หาได้กระทำไม่
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ในเวลาปัจจุบันเรื่องนี้ก็ยังไม่หมดอายุความ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ย่อมสามารถนำพยานหลักฐานมาแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่ไปเรียกรับเงินเพื่อช่วยเหลือคดีซุกหุ้นได้เช่นกัน แต่กลับไม่ดำเนินการ จึงขอเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เปิดเผยข้อมูลให้กระจ่างแจ้งต่อสาธารณชน โดยมอบหมายให้ทนายความแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อเอาผิดกับบุคคลดังกล่าว หากนิ่งเฉยไม่ดำเนินคดีย่อมมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157
