สถาบันศศินทร์ชี้ ถึงเวลาพัฒนา
เพื่อเป็นกลยุทธ์ในการสร้างยอดขายและภาพลักษณ์ให้กับธุรกิจ นักวิชาการจากศศินทร์ เผยถึงเวลาที่ธุรกิจขายตรงและธุรกิจบริการอื่น ๆ สร้างความพึงพอใจและรักษาฐานลูกค้าให้อยู่กับองค์กร ทั้งกระบวนการทำงานและเทคโนโลยีให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว แม่นยำ ในการให้ข้อมูลและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภค
ดร.กฤษติกา คงสมพงษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Sasin) เปิดเผยถึงความสำคัญของธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ว่า เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่ธุรกิจต่าง ๆ ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากมีบทบาททำให้ผู้บริโภคเกิดความประทับใจ รวมทั้งการตัดสินใจซื้อ และยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจอีกด้วย ดังนั้น ธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงทั้งในและต่างประเทศ ควรมีความชัดเจนเรื่องนโยบายพัฒนาระบบคอลเซ็นเตอร์ให้มีศักยภาพ โดยเฉพาะเมื่อรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ธุรกิจจากชาติอื่นๆ ในอาเซียนอีก 9 ประเทศ จะเข้ามาแชร์ส่วนแบ่งตลาด และระบบคอลเซ็นเตอร์ อาจแข็งแกร่งกว่าคนไทย
ปัจจุบันธุรกิจที่ใช้ระบบคอลเซ็นเตอร์ เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากขึ้น ที่เห็นได้ชัด คือการนำเสนอขายสินค้าและบริการไม่ว่าจะเป็นธุรกิจประกันภัย สถาบันการเงิน โรงพยาบาลและธุรกิจเพื่อสุขภาพ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ต้องอาศัยพนักงานขายผ่านโทรศัพท์ เนื่องจากเป็นรูปแบบการตลาดและการขายที่วัดผลได้ในเวลารวดเร็ว คอลเซ็นเตอร์ ยังมีบทบาทรับเรื่องร้องเรียนกรณีเกิดปัญหาการอุปโภค บริโภคสินค้าต่างๆ ดังนั้นจึงมีความสำคัญต่อบริการหลังการขายทำให้ลูกค้าเกิดความสะดวกสบายในการติดต่อสื่อสารกับผู้ผลิต และบรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่จะมีเบอร์โทรศัพท์เพื่อให้ลูกค้าสามารถสอบถาม ปรึกษา และร้องเรียนปัญหาต่าง ๆ ทั้งนี้เพิ่อสร้างความพึงพอใจ ความประทับใจหลังการขาย
ดร.กฤษติกา กล่าวว่า เมื่อระบบคอลเซ็นเตอร์ มีบทบาทในการตลาดทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ดังนั้น ธุรกิจที่ทำการตลาดผ่านทางโทรศัพท์ ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร นอกจากมารยาทในการรับโทรศัพท์แล้ว ผู้ที่อยู่ในอาชีพนี้ต้องคำนึงเรื่องการสื่อสารกับลูกค้า เพื่อให้เกิดความรู้สึกในเชิงบวก รวมถึงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการเป็นอย่างดี ผู้ที่สนใจมักสอบถามข้อมูล เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ หากมีข้อมูลไม่เพียงพออาจทำให้พลาดโอกาสในการขายได้ ที่สำคัญควรเรียนรู้ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ดังนั้น ธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์การตลาดระบบคอลเซ็นเตอร์ จะต้องพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะ ความเชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในระหว่างการทำงาน
“การพัฒนาบุคลากร ธุรกิจที่ต้องสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าผ่านระบบคอลเซ็นเตอร์ จำเป็นต้องพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงาน โดยเฉพาะระบบไอทีควรมีความทันสมัย มีข้อมูลถูกต้องแม่นยำ ดังนั้น ผู้ที่ทำหน้าที่ดังกล่าว ต้องรอบรู้ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ จึงจำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อให้พนักงานคอลเซ็นเตอร์สามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ไม่ให้ลูกค้ารอสายนานหรือโอนไปยังฝ่ายอื่นๆ สามารถให้คำตอบได้ในจุดบริการเดียว” ดร.กฤษติกากล่าว
หลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ทำให้กลุ่มผู้บริโภคมีความหลากหลายขึ้น เนื่องจากชาติต่าง ๆ ทั้งจากอาเซียนและทั่วโลกเข้ามาใช้บริการธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น นั่นหมายความว่าภาษาอังกฤษเพียงอย่างเดียวไม่สามารถตอบรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้ ทั้งนี้ธุรกิจบริการในเมืองไทยได้รับความนิยมจากทั่วโลก ทั้งลูกค้าชาวตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น จีนฯลฯ ดังนั้น นอกจากภาษาอังกฤษแล้วจะต้องพัฒนาให้มีคอลเซ็นเตอร์ ที่สามารถสื่อสารภาษาเดียวกับลูกค้า ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นและความไว้วางใจได้มากกว่า
ทั้งนี้ การลงทุนจ้างพนักงานที่เป็นเจ้าของภาษามาทำงานอาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบางธุรกิจ ทางออกของปัญหาดังกล่าวจะไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป เช่น ธุรกิจที่ต้องใช้การตลาดขายตรงในเมืองไทยบางแห่งก็ใช้คอลเซ็นเตอร์ ที่เป็นเอเย่นในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษดีกว่า หรือแม้แต่การพัฒนาระบบการสื่อสารที่เชื่อมโยงไปยังคอลเซ็นเตอร์ในต่างประเทศที่ใช้ภาษาเดียวกับลูกค้า จะทำให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพและสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคชาตินั้นๆได้เป็นอย่างดี