ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

กรมการปกครองชี้"ธรรมนูญฟีฟ่า"ขัดกฎหมายไทย

กีฬา
27 ก.ค. 56
08:42
108
Logo Thai PBS
 กรมการปกครองชี้"ธรรมนูญฟีฟ่า"ขัดกฎหมายไทย

กรมการปกครองส่งจดหมายถึงการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมีเนื้อหาว่าข้อบังคับ หรือธรรมนูญฟีฟ่าขัดต่อกฏหมายไทย และไม่สามารถบังคับใช้ในการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลได้

ความเคลื่อนไหวการเลือกตั้ง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ โดยภายหลังจากที่ นายวรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกสมาคมฟุตบอล ได้ยื่นเอกสารชี้แจง ที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่าส่งมายืนยันว่าต้องมีการเปลี่ยนธรรมนูญใหม่ ให้กับนายมนตรี ไชยพันธุ์ รองผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม ที่ผ่านมา ก่อนที่นายมนตรีจะยื่นเอกสารนี้ให้กับกรมการปกครอง เพื่อให้ช่วยดูในเรื่องประเด็นกฎหมายเพิ่มเติม

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (26 ก.ค.) กรมการปกครอง ได้ส่งเอกสารกลับมาให้ทางกกท. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเนื้อหาสำคัญแจ้งว่าข้อบังคับของสมาคมฟุตบอล ที่นายวรวีร์อ้างว่าฟีฟ่าได้บังคับให้ใช้นั้น ไม่ได้มีการจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ภายใน 15 วัน และได้ขัดกับรัฐธรรมนูญ และขัดประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นั่นหมายความว่า ข้อบังคับฉบับนี้ของสมาคมฟุตบอลไม่สามารถใช้ได้ เนื่องจากกรมการปกครองไม่สามารถรับจดทะเบียนได้

นอกจากนี้ กรมการปกครอง ยังชี้ว่าหัวข้อที่ระบุว่า จะต้องใช้ 72 เสียงในการเลือกตั้ง นายกสมาคมคนใหม่อาจจะไม่สอดคล้องกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยในข้อ 3.3 ได้ระบุถึงเรื่องการเปลี่ยนจำนวนเสียงของสโมสรสมาชิก ที่จะใช้โหวตเลือกตั้งนายกสมาคมให้เหลือ 72 เสียง ว่าร่างข้อบังคับของสมาคม ข้อ 21 ได้กำหนดเรื่ององค์ประชุมของที่ประชุมใหญ่ว่า ที่ประชุมใหญ่ประกอบด้วยผู้แทนจำนวน 72 คน ซึ่งขัดแย้งกับข้อ 12 ที่กำหนดว่า สมาชิกของสมาคมมีสิทธิดังนี้ ซึ่งเป็นข้อย่อย ก. มีส่วนร่วมในการประชุมใหญ่ของสมาคม และเตรียมร่างข้อเสนอบรรจุในระเบียบวาระการประชุมของที่ประชุมใหญ่ ซึ่งเป็นข้อย่อย ข. มีสิทธิเสนอชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสภากรรมการของสมาคม ซึ่งเป็นข้อย่อย ค.

ทำให้กรมการปกครองมองว่า เมื่อสมาชิกสมาคมฯทุกคนมีสิทธิ์เข้าร่วมประชุมใหญ่ และมีสิทธิ์เสนอร่างข้อเสนอในการประชุม ตลอดจนมีสิทธิ์เสนอชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสภากรรมการของสมาคมในการประชุมใหญ่ จึงต้องนับสมาชิกสมาคมฯทุกคน ที่เข้าร่วมประชุมเป็นองค์ประชุมและมีสิทธิ์ลงมติด้วย ซึ่งเป็นการสอดคล้องกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 86 แต่อย่างไรก็ตาม การตัดสินทั้งหมดขึ้นอยู่กับทางการกีฬาแห่งประเทศไทย จะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดอีกครั้ง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง