Tiny Times หนังสะท้อนกระแสวัตถุนิยมของชาวจีนรุ่นใหม่
คำสัญญาของชายหนุ่มแฟนสาวว่าต่อให้เธอเลิกใช้ชีวิตอย่างหรูหรา, หยุดซื้อของแพงๆ ให้เขา หรือไม่มีเงินติดตัวแม้แต่น้อย แต่เขาก็ยังชอบเธอเหมือนเดิม แต่ฉากที่ควรจะเป็นตอนที่ซึ้งที่สุดของหนังต้องผลิกผัน เมื่อหญิงสาวต่อว่าแฟนหนุ่มว่าความรักที่ไม่คำนึงถึงฐานะคือความไร้เดียงสา การผูกพันโดยไม่ให้ความสำคัญกับเงินตราไม่ต่างจากการก่อปราสาททรายที่รอวัน พังทลาย คือเนื้อหาเชิดชูแนวคิดวัตถุนิยมใน Tiny Times หนังยอดฮิตแดนมังกร ที่ถูกจับตาว่าเป็นผลงานที่สะท้อนค่านิยมชาวจีนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ วัตถุนิยมมาก่อนอุดมการณ์ในชีวิต
Tiny Times เป็นผลงานเปิดตัวในฐานะผู้กำกับของ กัวชิงหมิง นักเขียนนิยายวัยรุ่นอันดับ 1 ของเมืองจีน ผู้ส่งงานเขียนคว้ารางวัลตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน ก่อนก้าวมาสู่การเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์สำหรับนิยายวัยรุ่นโดยเฉพาะ โดยงานของเขาทำยอดขายเกินล้านฉบับทุกเล่ม ซึ่งการดัดแปลง Tiny Times นิยายไตรภาคเรื่องราวชีวิตรักของหญิงสาวในเซียงไฮ้ มาสร้างเป็นหนังใหญ่ใน 2 ภาคแรก สามารถทำเงินในเมืองจีนในปีนี้มากว่า 90 ล้านดอลลาร์
แต่ผลงานกลับเป็นประเด็นถกเถียงในเมืองจีน โดยนักวิจารณ์มองว่า Tiny Times เป็นหนังที่ให้ราคากับคุณค่าของวัตถุนิยมอย่างไร้รสนิยม เต็มไปด้วยตัวละครที่หลงตัวเองและเหยียดหยามชีวิตในแบบชนชั้นแรงงาน ซึ่งเสียงวิจารณ์ดังกล่าวก็ถูกตอบโต้โดยแฟนหนังสือของกัวชิงหมิง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและวัยรุ่นที่หันมาใช้พื้นที่บนโลกออนไลน์โจมตี เหล่านักวิจารณ์ด้วยข้อความนับหมื่นความเห็น
ชีวิตหนุ่มสาวชาวเมืองผู้ฟุ้งเฟ้อใน Tiny Times ถือเป็นการสะท้อนความสำเร็จของรัฐบาลจีนกับนโยบายเปลี่ยนเมืองจีนให้กลาย เป็นสังคมเมือง โดยปี 1979 จีนมีประชากรในเขตเมืองใหญ่เพียงร้อยละ 19 แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 53 โดยเฉพาะชาวเมืองรุ่นใหม่วัยต่ำกว่า 25 ปีซึ่งจีนมีอยู่ถึง 450 ล้านคน ได้หันมาใช้ชีวิตตามเศรษฐกิจทุนนิยม ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจแดนมังกรหลายแขนง เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมการฉายภาพยนตร์ จึงเป็นที่มาของความนิยมของหนังที่สามารถสะท้อนชีวิตของวัยรุ่นยุคใหม่ได้อย่างชัดเจน
กัวชิงหมิง ยอมรับว่าเขาแปลกใจต่อแรงต่อต้านที่สังคมมีต่อ Tiny Times แต่เขาก็ยินดีที่ชาวจีนในวันนี้สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี ซึ่งเขาขอรับแต่คำติชมเรื่องการสร้างภาพยนตร์เพื่อพัฒนาฝีมือในอนาคต แต่หากเป็นเรื่องวิถีชีวิตชาวจีนรุ่นใหม่แล้ว คงไม่มีใครเข้าใจดีไปกว่าคนที่คลุกคลีกับคนรุ่นใหม่ในเมืองใหญ่เช่นเขา