ภารกิจการค้นหาศพในฟิลิปปินส์
ตอนนี้ตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 3,976 คน สูญหาย 1,602 คน องค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็น ประเมินว่า มีประชาชนไร้ที่อยู่อาศัยมากกว่า 4 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ได้เข้าไปอยู่ในศูนย์พักพิงเพียง 350,000 คนเท่านั้น ในส่วนของศพผู้เสียชีวิต ตอนนี้ยังคงกระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ประสบภัย ซึ่งคนที่ทำหน้าที่ค้นหาและนำร่างออกมาก็คือ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและอาสาสมัคร ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่มีความสำคัญ แต่อาจจะไม่ค่อยมีใครอยากทำหน้าที่นี้สักเท่าไหร่
คนเหล่านี้ต้องทำงานท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด, อับชื้น ซึ่งทำให้ศพเน่าเปื่อยเร็วขึ้น ต้องทนดมกลิ่นเหม็นของซากศพ รวมถึงเชื้อโรค ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร ไม่เพียงแต่ความทรมานทางร่างกายเท่านั้น องค์การอนามัยโลก หรือฮู เตือนว่าผู้ที่ต้องทำงานกับศพ ควรระวังผลกระทบจากความเครียดและความทรมานทางด้านจิตใจ ดังนั้นทีมงานควรจะช่วยกันส่งเสริมและสนับสนุนซึ่งกันและกัน
นอกจากทีมเก็บศพแล้ว ยังมีทีมนิติเวชจากมหาวิทยาลัยมะนิลา ช่วยกันเก็บหลักฐานทางชีวภาพ รวมถึงเอกสารและทรัพย์สินของผู้เสียชีวิต เพื่อนำไปใช้ในการตรวจเอกลักษณ์บุคคล ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเร่งทำงานแข่งกับเวลา เนื่องจากศพของผู้เสียชีวิตถูกทิ้งไว้นานกว่าสิบวันเริ่มเน่าเปื่อย การเก็บหลักฐานก็ยิ่งทำได้ยากขึ้น เฉลี่ยแล้วเจ้าหน้าที่ 1 คน จะต้องเก็บหลักฐานของศพให้ได้ 15 คนภายในเวลา 1 ชั่วโมง
ในขณะที่การฟื้นฟูเมืองก็เริ่มมีความคืบหน้าอย่างที่หมู่บ้านปาโล ในเมืองทาโคลบัน กระแสไฟฟ้าในบางพื้นที่สามารถใช้งานได้แล้ว มีการติดตั้งเสาไฟส่องทาง ทำให้ชาวบ้านเริ่มมีความหวังมากขึ้น ถือเป็นสัญลักษณ์ว่าทุกอย่างเริ่มจะดีขึ้นแล้ว