ผู้ประสบภัยในฟิลิปปินส์ ทยอยเดินทางออกนอกพื้นที่ประสบภัย
ผู้รอดชีวิตที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัดของเมืองทาโคลบัน พยายามกลับเข้าไปสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ รวมถึงซ่อมแซมข้าวของเครื่องใช้ที่ได้รับความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในขณะที่ผู้ประสบภัยบางส่วนต้องการเดินทางออกนอกพื้นที่ โดยเครื่องบินขนส่งซี 130 ที่นำสิ่งของบรรเทาทุกข์มาที่เมืองทาโคลบัน จะรับคนเหล่านี้เดินทางกลับไปด้วย โดยจะให้สิทธิ์แก่เด็ก, สตรี, ผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บและคนชราได้ขึ้นเครื่องก่อนเป็นอันดับแรก โดยผู้ประสบภัยเหล่านี้จะเดินทางไปที่เกาะเซบู เมืองใหญ่อันดับ 2 ของฟิลิปปินส์ ซึ่งมีศูนย์พักพิงอยู่ที่นั่น
นอกเหนือจากภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว อีกภารกิจหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือการค้นหาและนำร่างผู้เสียชีวิตไปฝังหรือนำไปให้เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐาน เพื่อตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล โดยตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 3,976 คน สูญหาย 1,602 คน องค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็น ประเมินว่ามีประชาชนไร้ที่อยู่อาศัยมากกว่า 4 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ได้เข้าไปอยู่ในศูนย์พักพิงเพียง 350,000 คนเท่านั้น
ในส่วนของศพผู้เสียชีวิตที่ยังกระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ประสบภัย ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและอาสาสมัคร ยังคงค้นหาและนำร่างผู้เสียชีวิตออกมา โดยคนเหล่านี้ต้องทำงานท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด อับชื้น ซึ่งทำให้ศพเน่าเปื่อยเร็วขึ้น ต้องทนกับกลิ่นเหม็นของศพรวมถึงเชื้อโรค ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเจ้าหน้าที่ องค์การอนามัยโลก หรือฮู เตือนว่าผู้ที่ต้องทำงานกับศพ ต้องระวังผลกระทบจากความเครียดในการทำงาน และความทรมานทางด้านจิตใจ ทีมงานจึงควรจะช่วยกันส่งเสริมและสนับสนุนซึ่งกันและกัน
นอกจากทีมเก็บศพแล้ว ยังมีทีมนิติเวชจากมหาวิทยาลัยมะนิลา ช่วยกันเก็บหลักฐานทางชีวภาพ รวมถึงเอกสารและทรัพย์สินของผู้เสียชีวิต เพื่อนำไปใช้ในการตรวจเอกลักษณ์บุคคล ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเร่งทำงานแข่งกับเวลา เนื่องจากศพของผู้เสียชีวิตถูกทิ้งไว้นานกว่าสิบวันเริ่มเน่าเปื่อย การเก็บหลักฐานก็ยิ่งทำได้ยากขึ้น เฉลี่ยแล้วเจ้าหน้าที่ 1 คน จะต้องเก็บหลักฐานของศพให้ได้ 15 คนภายในเวลา 1 ชั่วโมง