ตำรวจยูเครนสลายการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลวานนี้
การชุมนุมขับไล่รัฐบาลในประเทศยูเครนเมื่อวานนี้ (1 ธ.ค.) มีประชาชนเข้าร่วมมากกว่า 100,000 คน ถือเป็นจำนวนที่มากที่สุด นับตั้งแต่เริ่มการชุมนุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังประธานาธิบดีวิคเตอร์ ยานูโควิช ยกเลิกการลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านการค้ากับสหภาพยุโรป และหันไปสานสัมพันธ์กับรัสเซียแทน สร้างความไม่พอใจให้ประชาชนที่มองว่า รัสเซียใช้อิทธิพลทางการค้า กดดันยูเครนให้ยกเลิกการลงนามดังกล่าว
การชุมนุมเมื่อวานนี้ (1 ธ.ค.) มีผู้ประท้วงหลายพันคน พยายามฝ่าแนวกั้นของตำรวจด้วยการใช้รถตักดินพังแนวรั้วลวดหนาม เพื่อบุกเข้าไปในทำเนียบประธานาธิบดี ทำให้ตำรวจต้องตอบโต้ด้วยการฉีดน้ำแรงดันสูง, ยิงแก๊สน้ำตา, ใช้ระเบิดแสง และใช้กระบองกับผู้ชุมนุม
นอกจากนี้ ตำรวจยังสลายการชุมนุมของผู้ประท้วงที่จตุรัสเอกราชในกรุงเคียฟ โฆษกสำนักงานตำรวจระบุว่า ตำรวจได้รับบาดเจ็บประมาณ 100 นาย ส่วนผู้ประท้วงบาดเจ็บเกือบ 50 คน
สำหรับข้อเรียกร้องของผู้ประท้วงคือ ให้นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีลาออก และจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า แต่จนถึงขณะนี้ ผู้นำยูเครน ยังไม่มีทีท่าว่าจะลาออกตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม
ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นแกนนำการชุมนุมอ้างว่า นี่เป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดของยูเครน นับตั้งแต่ปี 2547