แกนนำกปปส. ยันยังไม่มอบตัว
แกนนำ กปปส. ยืนยันยังไม่เข้ามอบตัวตามหมายเรียกของกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมเตรียมมาตรการตอบโต้ กรณีสั่งอายัดบัญชี ขณะที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เตือนท่อน้ำเลี้ยงกลุ่มผู้ชุมนุมว่า หากมีข้อมูลชัดเจนว่ามีการสนับสนุนด้านการเงิน หรือการสนับสนุนอื่น ที่ทำให้เกิดการชุมนุม ถือว่าร่วมกระทำความผิดด้วย
หลังรับคดี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก ซึ่งถูกกล่าวหาว่า กระทำความผิดหลายฐานความผิดสืบเนื่องจากการชุมนุมในนาม กปปส.เป็นคดีพิเศษ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ กคพ. ได้ออกหมายเรียกแกนนำ กปปส.อีก 17 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันเป็นกบฏ
โดยหมายเรียกดังกล่าว มีแกนนำ กปปส.คนสำคัญหลายคน ทั้งจากอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กลุ่มแรกที่ลาออกจาก ส.ส.เพื่อร่วมชุมนุม และ แกนนำกลุ่มเครือข่ายทั้งจาก คปท. และกองทัพธรรม เช่น นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์, นายอิสระ สมชัย, นายวิทยา แก้วภราดัย, นายถาวร เสนเนียม, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, นายเอกนัฏ พร้อมพันธ์, นางอัญชะลี ไพรีรัก, นายนิติธร ล้ำเหลือ และนายอุทัย ยอดมณี เป็นต้น
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุด้วยว่า หมายเรียกนี้ เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากที่พนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ดำเนินการขอศาลออกหมายจับไว้ แต่ศาลได้สั่งให้ดำเนินการออกหมายเรียกก่อน ดังนั้นเพื่อเป็นไปตามคำสั่งของศาลดังกล่าวดีเอสไอจึงจะได้ออกหมายเรียกแกนนำทั้ง 17 คน มารับทราบข้อกล่าวหาทันทีในวันนี้ (19 ธ.ค.)
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยด้วยว่า นอกจากมีการออกหมายเรียก ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ยังมีมติสั่งอายัดบัญชีธนาคารแกนนำทั้ง 17 คน รวมถึงบัญชีของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รวมทั้งสิ้น 18 คน 20 บัญชี โดยอ้างว่า เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์ในการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานในการจะใช้พิสูจน์ความผิด หรือบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาทั้งหมด
สำหรับข้ันตอนจะอายัดในทุกบัญชี ทุกประเภท ทุกธนาคาร และให้ธนาคารนั้น ๆ จัดส่งหลักฐานการเดินบัญชี หรือ Statement ย้อนหลัง 6 เดือน ให้ดีเอสไอโดยด่วนที่สุด และให้เริ่มดำเนินการทันที นอกจากนี้ จะสั่งอายัดบัญชีรับบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการชุมนุม ซึ่งขณะนี้พบมี 2 บัญชี อยู่ระหว่างตรวจสอบตัวเงิน
นายธาริต ยังได้เตือนให้กลุ่มทุนหรือท่อน้ำเลี้ยง ที่สนับสนุนการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ให้หยุดการสนับสนุนการกระทำผิดทันที โดยเฉพาะเมื่อดีเอสไอได้ประกาศแจ้งเตือนแล้ว หากยังฝ่าฝืนจะถือว่ามีเจตนาสนับสนุนหรือร่วมกระทำผิดกับบรรดาแกนนำอย่างเจตนาโดยชัดเจน นอกจากนี้จะออกหมายเรียกเจ้าของยานพาหนะ บริษัท ร้านค้า ที่ให้การสนับสนุนการชุมนุมมาสอบสวน เพื่อคัดกรองว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้ามาร่วมให้การบริการ เพราะรับจ้างมาหรือจงใจสนับสนุน
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. กล่าวปราศรัยบนเวที โดยยืนยันว่า ไม่ว่าจะตั้งอีกกี่ข้อหา หรือสั่งอายัดบัญชี ก็จะสู้ต่อไปจนกว่าจนกว่าจะไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งให้ได้ ส่วนหมายเรียกนั้น จะเข้ามอบตัวหลังยุติการชุมนุม
ขณะที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย 1 ในแกนนำที่ถูกออกหมายเรียกและอายัดบัญชี เห็นว่า ดีเอสไอไม่มีอำนาจในการออกคำสั่งดังกล่าว อีกทั้งก่อนลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. ก็ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบแล้ว ซึ่งหากจะอายัดตาม พ.ร.บ.กรมสอบสวนคดีพิเศษ มาตรา 24 ต้องมีการเรียกธนาคารมาสอบถามถึงที่มาที่ไปของบัญชี ดังนั้น การออกคำสั่งอายัดครั้งนี้ถือว่าทำผิดกฎหมาย เป็นการใช้อำนาจหน้าที่กลั่นแกล้ง เบื้องต้นได้ให้ฝ่ายกฏหมายไปศึกษาเพื่อเพิกถอนคำสั่งแล้ว และจะมีการฟ้องกลับทางนายธาริต เนื่องจากมีการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ
ด้านนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำเครือข่ายนักศึกษา และประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กล่าวปราศรัยถึงกรณีนี้โดยขอให้ผู้ชุมนุมร่วมถอนเงินออกจากธนาคารทั้งหมด ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยจะมีการกำหนดวันถอนเงินพร้อมกันทั้งประเทศ เพื่อตอบโต้คำสั่งดังกล่าว