นายกฯ ญี่ปุ่นเข้าคารวะศาลเจ้ายาสุกุนิ สร้างความไม่พอใจแก่ประเทศเพื่อนบ้านอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น สร้างความไม่พอใจแก่ประเทศเพื่อนบ้านอีกครั้ง เมื่อเขาเดินทางเข้าคารวะศาลเจ้ายาสุกุนิ ที่สถิตย์แผ่นป้ายวิญญาณผู้เสียชีวิตในสงคราม ซึ่งรวมถึงอาชญากรสงครามสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เดินทางไปคารวะศาลเจ้ายาสุกุนิและใช้เวลาภายในศาลเจ้าแห่งนี้ราว 15 นาที ก่อนจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อ ว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าการคารวะศาลเจ้ายาสุกุนิ ถือเป็นการแสดงความเคารพต่ออาชญากรสงครามนั้น เป็นความเข้าใจผิด และถูกทำให้เป็นประเด็นทางการเมืองและทางการทูต การเลือกเดินทางมาคารวะศาลเจ้าซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบรอบ 1 ปี เพื่อบอกกล่าวต่อดวงวิญญาณว่าได้ทำสิ่งใดคืบหน้าไปบ้าง และยังเป็นการแสดงเจตน์จำนงค์อีกครั้งหนึ่ง ว่าเขาจะยึดมั่นในสันติภาพและจะไม่ให้ใครต้องทนทุกข์เพราะสงคราม
การคารวะศาลเจ้ายาสุกุนิ ซึ่งเป็นศาลเจ้าเพื่อระลึกถึงชาวญี่ปุ่น 2.5 ล้านคนที่เสียชีวิตในสงครามโลก รวมถึงอาชญากรสงคราม ทำให้มีการวิเคราะห์ว่า นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น อาจกำลังปรับเปลี่ยนแนวทางนโยบายการต่างประเทศ จากที่เคยพยายามหลีกเลี่ยงการโดดเดี่ยวตัวเองจากเพื่อนบ้านอย่างจีน และญี่ปุ่น แต่ผู้นำญี่ปุ่นก็ปกป้องการเดินทางคารวะศาลเจ้ายาสุกุนิ โดยอ้างถึงนายกรัฐมนตรีในอดีตที่เคยมาคารวะศาลเจ้าแห่งนี้ ว่าทุกคนล้วนต้องการสร้างสัมพันธ์อันดีฉันท์มิตรประเทศกับจีนและเกาหลีใต้ต่อไป และพร้อมที่จะอธิบายให้เข้าใจ
แต่ปฏิกิริยาตอบสนองจากทางการจีน คือ การแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน มีแถลงการณ์ประท้วงและประนามการกระทำของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นอย่างรุนแรง เพราะถือเป็นการเหยียบย่ำความรู้สึกของเหยื่อสงครามในประเทศจีน และประเทศอื่นๆในเอเชีย รวมทั้งยังเป็นการแสดงความท้าทายต่อมโนสำนึกของมนุษยชาติ ซึ่งการกระทำของผู้นำญี่ปุ่น ถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางความสัมพันธ์ทวิภาคีของทั้งสองประเทศ ดังนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ่น
เช่นเดียวกับทางการเกาหลีใต้ ที่รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว เป็นตัวแทนรัฐบาลแสดงความไม่พอใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ขอแสดงความเสียใจและไม่พอใจที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เข้าคารวะศาลเจ้ายาสุกุนิ ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่เป็นที่ระลึกถึงอาชญากรสงคราม และแสดงออกถึงความระลึกถึงการล่าอาณานิคมของญี่ปุ่นในอดีต และยังเดินทางไปยังศาลเจ้าแห่งนี้ แม้ประเทศเพื่อนบ้านจะเคยเตือนให้ละเว้นการกระทำเช่นนี้มาก่อน ตัวแทนรัฐบาลเกาหลีใต้ยังเตือนด้วยว่า การเยือนศาลเจ้าอาจส่งผลกระทบทางการทูตอย่างรุนแรง ซึ่งนับเป็นการเพิ่มระดับความตึงเครียดระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเพิ่มมากขึ้น