วันนี้ (15 ก.พ. 2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความนิยมในการขับรถยนต์ส่วนตัว เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยของชาวจีน แม้จะช่วยเพิ่มมูลค่าด้านการท่องเที่ยว แต่หนึ่งในปัญหาที่ติดตามมาคืออุบัติเหตุทางถนน ซึ่งนอกจากสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินสาธารณะแล้ว ยังส่งผลกระทบในการจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายแก่คู่กรณี เนื่องจากรถยนต์ของนักท่องเที่ยวไม่มีการทำประกันภัยไว้
สภาพรถยนต์ของ น.ส.รุ่งทิพย์ กันทา ผู้เสียหายจากอุบัติเหตุ ถูกรถยนต์นักท่องเที่ยวชาวจีนเสียหลักพุ่งชน จนไม่สามารถใช้งานได้บริเวณถนนสายเชียงใหม่-เชียงราย ในเขต ต.ป่าเมี่ยง อ.ดอยดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งถูกนำมาเก็บไว้ที่สถาณีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด
ไม่แตกต่างจากรถตู้ของ นายวีระพล อภิวัน ผู้เสียหายอีกราย ที่ถูกรถนักท่องเที่ยวจีนเสียหลักข้ามเลนพุ่งชน บนถนนเส้นทางเชียงใหม่-เชียงราย ในพื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2559 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้เสียหายระบุว่า รถนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนที่ขับเข้ามายังประเทศไทย นอกจากไม่ชินเส้นทางแล้ว ยังไม่ได้ทำประกันภัยของประเทศไทยด้วย แตกต่างจากกรณีที่นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยนำรถยนต์ไปขับที่ประเทศจีน ซึ่งต้องวางเงินประกันหลักแสนบาทขึ้นไป
นายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงว่า รถนักท่องเที่ยวช่าวจีนที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย จะต้องมีใบอนุญาตขับขี่ของประเทศไทย แต่เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีกฏหมายการขับรถข้ามประเทศระหว่างไทย-จีน จึงอนุญาตให้นักท่องเที่ยวใช้ใบอนุญาตขับขี่ของจีน ส่วนกรณีที่นักท่องเที่ยวชาวจีนขอเช่ารถ ผู้ประกอบการรถเช่าจะต้องตรวจสอบใบขับขี่ถึงจะปล่อยให้เช่ารถได้
นายชาญชัย กล่าวต่ออีกว่า ล่าสุดได้ประสานงานกับ จ.เชียงราย ให้เร่งรัดตรวจสอบนักท่องเที่ยวจีนที่จะขับรถเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ต้องทำประกันภัยประเภท 3 เพื่อลดภาระปัญหาหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับคู่กรณีชาวไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพบว่า หลังการเปิดสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 เมื่อปี 2556 ทำให้นักท่องเที่ยวจีนนิยมเดินทางมายังประเทศไทย ผ่านด่านพรมแดนอ.เชียงของ จ.เชียงราย
จากสถิติตลอดทั้งปี 2557 นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาทางด่านเชียงของราว 30,000 คน ยานพาหนะกว่า 5,000 คัน คัน ส่วน ปี 2558 นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาทางด่านเชียงของเพิ่มขึ้นเป็น 40,000 หมื่นคน เป็นยานพาหนะ 9,000 คัน