วันนี้ (23 ก.พ.) นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล โฆษกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เผยถึงสถานการณ์น้ำในประเทศไทยว่า ขณะนี้ น้ำในเขื่อนหลักคือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนจุฬาภรณ์ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำพอใช้ร้อยละ 35 46 38 และ 42 ตามลำดับ ซึ่งหากมีการบริหารจัดการที่ดี จะมีน้ำเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคและการรักษาระบบนิเวศได้ตลอดหน้าแล้งนี้
นายสุพจน์ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำโขงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง แต่อาจเพิ่มระดับได้ในบางช่วงเวลา เช่น ต้นเดือน เม.ย. ที่จะถึงนี้ จึงฝากประชาชนริมฝั่งโขงที่เพาะปลูกพืชหรือเลี้ยงปลาในบริเวณดังกล่าวเตรียมรับสถานการณ์น้ำโขงน้อย
“สำหรับการช่วยเหลือประชาชนที่ขาดแคลนน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำได้สูบน้ำช่วยพื้นที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคแล้ว 16 ล้าน ลบ.ม. มีประชาชนได้รับประโยชน์ 130,954 ครัวเรือน หรือคิดเป็น 498,532 คน ขณะเดียวกันกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้เร่งขุดเจาะน้ำบาดาลเพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ที่เดือดร้อนสามารถติดต่อผ่านทางโทรศัพท์สายด่วน Green Call 1310” เลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ระบุ
นายสุพจน์ กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ มีพื้นที่ประกาศภัยแล้ง จำนวน 1,893 หมู่บ้าน ใน 12 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงใหม่ จ.อุตรดิตถ์ จ.พะเยา จ.นครราชสีมา จ.นครพนม จ.มหาสารคาม จ.บุรีรัมย์ จ.กาญจนบุรี จ.สระแก้ว จ.เพชรบุรี จ.สุโขทัย และ จ.นครสวรรค์ และมีพื้นที่น้ำเค็มรุก 1 จังหวัด คือ จ.ฉะเชิงเทรา จึงขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกภาคส่วนช่วยกันประหยัดน้ำและปลูกพืชใช้น้ำน้อย ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความช่วยเหลือและส่งเสริมความพร้อมในการปรับตัวให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง