กรมเจ้าท่า สั่ง "ครอบครัวขนส่ง" งดใช้เรือระบบเชื้อเพลิงผสมดีเซล-ก๊าซ

นายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวถึงอุบัติเหตุเครื่องยนต์เรือโดยสารคลองแสนแสบระเบิดที่ท่าเรือวัดเทพลีลาเมื่อเวลา 06.30 น.วันนี้ (5 มี.ค.2559) ว่า เรือที่เกิดเหตุระเบิดนั้นเป็นเรือที่ใช้เชื้อเพลิงแบบผสมคือ น้ำมันดีเซลและก๊าซเหลง LNG กล่าวคือ ก่อนเดินเครื่องจะใช้น้ำมันดีเซลเป็นตัวจุดระเบิด หลังจากนั้นจะใช้ก๊าซ LNG ในการเดินเครื่องต่อไป ซึ่งในจำนวนเรือโดยสารที่ให้บริการในคลองแสนแสบทั้งหมด 70 ลำ มีเรือที่ใช้ระบบเชื้อเพลิงแบบนี้ประมาณ 30 ลำ หลังเกิดเหตุกรมเจ้าท่าได้สั่งการให้บริษัท ครอบครัวขนส่ง (2002) จำกัด ผู้ประกอบการเรือโดยสารคลองแสนแสบระงับใช้เรือที่ใช้เชื้อเพลิงแบบผสมดังกล่าวแล้ว

เจ้าหน้าที่ของกรมเจ้าท่าและตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุ และกรมเจ้าท่าได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนอุบัติเหตุครั้งนี้แล้วพร้อมกับส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเรือที่เกิดเหตุ

"สัปดาห์หน้ากรมเจ้าท่าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหารือกันเรื่องการดูแลความปลอดภัยของการเดินเรือ รวมทั้งอบรมให้ความรู้พนักงานประจำเรือ เพราะจากเหตุการณ์นี้เห็นได้ว่า การระเบิดไม่ได้เกิดขึ้่นทันทีทันใด แต่ได้มีก๊าซรั่วมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังขับเรือมาเรื่อยๆ ทั้งที่จริงๆ แล้วเมื่อเกิดการรั่วไหลของก๊าซแล้วต้องหยุดเครื่องยนต์ทันที" รองอธิบดีกรมเจ้าท่ากล่าวพร้อมกับยืนยันว่าที่ผ่านมา กรมเจ้าท่าดูแลเรื่องความลปอดภัยในการเดินเรือมาโดยตลอด แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุที่ไม่เคยเกิดขึนมาก่อน ซึ่งกรมเจ้าท่าได้หารือกับผู้ประกอบการแล้วว่าจะต้องมีมาตรการเข้มข้นในการดูแลและใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

ขณะที่ตำรวจได้เผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุระเบิด ซึ่งพบว่ามีไฟสว่างวาบขึ้นบริเวณท้ายเรือ จากนั้นผู้โดยสารได้พากันวิ่งลงจากเรือมาบนท่าด้วยความตื่นตระหนก

 

แพทย์ระบุเผยมีผู้ป่วยขั้นวิกฤตแผลไฟไหม้

นพ.ภูวสิษฏ์ ตรีจักรสังข์ ศัลยแพทย์ทั่วไป โรงพยาบาลเพชรเวช เปิดเผยถึงอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเครื่องยนต์เรือโดยสารระเบิดที่ถูกส่งมารักษาที่โรงพยาบาลเพชรเวทว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บขั้นวิกฤติต้องติดตามอาการในห้องไอซียูประมาณ 2 สัปดาห์ 2 คน คือ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมีแผลไฟไม้รุนแรงจากเหตุระเบิด และผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวังอาการปอดและหลอดลมอักเสบจากการสำลักควัน และมีผู้ป่วยบาดเจ็บที่ต้องเฝ้าดูอาการจากแผลไฟไหม้จากเหตุระเบิดในห้องผู้ป่วยทั่วไปอีก 4 คน อีกประมาณ3-4 วัน ส่วนผู้ป่วยที่เหลืออีก 16 คน ที่มีอาการบาดเจ็บไม่มากนักแพทย์ได้รักษา ทำแผล ให้ยา และนัดให้มาทำแผลทุกวัน จนกว่าแผลจะหาย

เวลา 14.00 ศูนย์เอราวัณรายงานเพิ่มเติมข้อมูลผู้บาดเจ็บจากเหตุเรือโดยสารระเบิด มีผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉิน จำนวน 65 คน ในโรงพยาบาล 6 แห่งรายละเอียดดังนี้

1. รพ.กรุงเทพ 8 คน
2. รพ.เพชรเวช 20 คน
3. รพ.แพทย์ปัญญา 16 คน
4. รพ.พระมงกุฏเกล้า 8 คน
5. รพ.เปาโล โชคชัย 4 จำนวน 8 คน
6. รพ.ราชวิถี 5 คน 

เบื้องต้นแพทย์รับไว้รักษาในรพ.จำนวน 19 คน ดังนี้
1.รพ.กรุงเทพ 6 คน
2.รพ.เพชรเวช 5 คน
3.รพ.เปาโลโชคชัย 4 จำนวน 3 คน
4.รพ.พระมงกุฏเกล้า 1 คน
5.รพ.แพทย์ปัญญา 1  คน (รับจากรพ.กรุงเทพ)
6.รพ.ราชวิถี 2 คน
7.รพ.จุฬา 1 คน (รับจากรพ.เปาโล)

รอง ผบ.ตร.สั่ง ผบช.น.ตรวจสอบผู้สูญหาย-เตือนผู้ประกอบการเรือตรวจสอบความปลอดภัย

พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวขณะลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุเครื่องยนต์เรือโดยสารระเบิด บริเวณท่าเรือวัดเทพลีลา คลองแสนแสบว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลตรวจสอบข้อมูลกรณีที่มีผู้แจ้งว่าพบเห็นพลัดตกลงไปในน้ำและสูญหายไปขณะเกิดเหตุ เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่ามีผู้สูญหายจริงหรือไม่ เพราะจากการค้นหาของนักประดาน้ำตลอดช่วงเช้าวันนี้ยังไม่พบบุคคลใด ถ้าหากว่ามีประชาชนสงสัยว่าญาติสูญหายไปในเหตุการณ์นี้ และตรวจสอบกับรายชื่อผู้บาดเจ็บแล้วไม่พบ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมากได้ทันที

ขณะนี้กองพิสูจน์หลักฐานกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุของระเบิดที่เกิดขึ้น ซึ่งคิดว่าน่าจะมีหลายสาเหตุและจะรีบสรุปให้ได้โดยเร็วเพื่อดำเนินการแก้ไขตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ตำรวจได้ประสานให้เรือโดยสารที่ใช้ระบบเชื้อเพลงผสมก๊าซ LNG จำนวน 30 วัน หยุดให้บริการก่อนเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของระบบ เช่น การเดินท่อก๊าซใต้ท้องเรือ การรั่วของท่อ เป็นต้น เมื่อตรวจสอบความปลอดภัยเสร็จแล้วก็นำกลับมาให้บริกาได้ตามเดิม

ความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลนั้น ทางบริษัท ครอบครัวขนส่งฯ ได้ยืนยันว่าจะรับผิดชอบทั้งหมด อีกทั้่งบริษัทยังมีประกันสำหรับผู้โดยสารด้วย และขณะนี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ตั้งคณะพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บและพยาน

พล.ต.อ.พงศพัศ ขอให้ผู้ประกอบการเรือโดยสารและเรือท่องเที่ยวทั่วประเทศ เช่น เรือโดยสารและเรือท่องเที่ยวในแม่น้ำเจ้าพระยา ให้เร่งตรวจสอบความปลอดภัยของเรือว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและป้องกันการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำ และได้มอบหมายให้ตำรวจในทุกท้องที่ไปตรวจสอบผู้ประกอบการเรือโดยสารและเรือท่องเที่ยวว่าได้ตรวจสภาพเรืออย่างดีหรือไม่

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายเรือออกจากท่าเรือวัดเทพลีลามาอยู่บริเวณด้านข้างเพื่อรอให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบ