วันนี้ (14 ก.ย. 2559) ข้อมูลจาก บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์มูลค่าการตลาดช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ประจำปี 2559 ที่จะถึงในวันที่ 15 ก.ย. นี้ว่า กลุ่มลูกค้าองค์กรจะเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนมูลค่าตลาดขนมไหว้พระจันทร์มากขึ้น จากการซื้อไปฝากลูกค้าเพื่อสร้างภาพลักษณ์และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีทางธุรกิจ ขณะที่กลุ่มหลักที่ซื้อไปไหว้ อาจมีสัดส่วนลดลงตามจำนวนผู้ที่ซื้อไปไหว้ที่น้อยลง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังเสนอแนะ ให้ผู้ประกอบการขนมไหว้พระจันทร์ วิเคราะห์ศักยภาพในการซื้อของผู้บริโภคมากขึ้น โดยกลุ่มลูกค้าที่น่าจับตา ได้แก่ วัยทำงาน เจนเนอเรชันเอ็กซ์ เพราะมีอำนาจการตัดสินใจซื้อสูง ทั้งซื้อไปไหว้ หรือรับประทานในครอบครัว และการซื้อไปเป็นของขวัญของฝากในนามองค์กร แต่สินค้าจะต้องมีความพรีเมียม ดูมีคุณค่าและราคาสมเหตุสมผล เพื่อสร้างความประทับให้ผู้รับ
ส่วนกลุ่มที่ไม่ควรมองข้ามคือกลุ่มเจนเนอเรชันวาย ที่แม้ยังไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหลักในการซื้อเพื่อไปไหว้ แต่จะกลายเป็นตลาดซื้อไปรับประทานหรือซื้อไปเป็นของฝากในอนาคต โดยขนมไหว้พระจันทร์สำหรับคนเจน วาย นอกจากรสชาติดีแล้ว ต้องมีรูปลักษณ์ที่ทันสมัย แปลกตา มีรูปแบบการนำเสนอสินค้าที่โดนใจและเข้าถึงได้รวดเร็ว เช่น โซเชียลมีเดีย ที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้ในกลุ่มนี้มาก
ด้าน ภัตตาคารแกรนด์เชียงการีลา ยอมรับว่า ลดเป้ายอดขายขนมไหว้พระจันทร์ปี 2559 ถึง 1 แสนชิ้น จากปีที่ผ่านมา จากสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว ส่งผลให้ประชาชนชะลอการจับจ่าย โดยพบว่าจากที่เคยซื้อ 2 กล่อง 8 ชิ้น ลดลงเหลือเพียง 4-6 ชิ้น และหันมาซื้อกล่องขนาดเล็กที่บรรจุ 2 ชิ้นมากขึ้น ผู้ประกอบการจึงการทำตลาดกล่องขนาดเล็กในสัดส่วนร้อยละ 70 และกล่องใหญ่ร้อยละ 30
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดขนมไหว้พระจันทร์ในปีนี้ (2559) ประเมินว่าการขายอยู่ที่ราว 3-4 ล้านชิ้น โตขึ้นร้อยละ 7.0 และมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 900 ล้านบาท