วันนี้ (4 ต.ค.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ลักษณะการก่อเหตุปาหินไม่มีเหตุผลชัดเจน แต่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่า การขว้างหินหรือวัตถุใดๆ ใส่รถที่กำลังวิ่งอยู่นั้น ในทางกฎหมายจะต้องถือว่าผู้กระทำนั้นเล็งเห็นผลว่าอาจจะทำให้ผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บและอาจจะเป็นเหตุให้รถเกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิตได้ ผู้กระทำจึงอาจจะต้องโดนแจ้งข้อหาพยายามฆ่า
สำหรับข้อสังเกตเรื่องเส้นทางการปาหินจะพบว่าลักษณะเส้นทางเหล่านี้ จะเป็นเส้นทางเปลี่ยว ไม่ค่อยมีบ้านคน หรือในช่วงดังกล่าวเป็นทุ่งนา เป็นที่รกทึบ ถนนเปลี่ยวไม่มีรถสวนทาง หรือนานๆ จะสวนทางมา โดยแนวทางการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ พื้นที่ใดที่มีการเกิดเหตุบ่อยครั้ง หากเป็นเส้นทางหลวงจะมีสายตรวจของตำรวจทางหลวงออกตรวจตราในยามค่ำคืน และเรียกตรวจรถที่ต้องสงสัยที่จะก่อเหตุในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมทั้งประสานงานกับตำรวจท้องที่ในเขตต่างๆ ทั้งทางด้านการปฏิบัติงานและด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด
ขณะที่บางจังหวัดที่มีความเสี่ยงสูงได้จัดตั้งชุดเฉพาะกิจที่มุ่งเป้าไปที่เรื่องแก๊งปาหินโดยตรง ซึ่งมี 7 เส้นทางที่มีเหตุการณ์ปาหินบ่อยครั้ง ได้แก่ 1. เส้นทาง หนองแค สระบุรี 2. เส้นทาง ธนบุรี - ปากท่อ 3. เส้นทางมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ - ชลบุรี 4. เส้นทาง อ.แกลง - ระยอง 5. เส้นทาง ลำปาง - เชียงใหม่ 6. เส้นทางด่วนรามอินทรา - อาจณรงค์ (กทม.) 7. เส้นทางกรุงเทพ ฯ - นครสวรรค์ ช่วง จ.อ่างทอง
สำหรับคำเตือนในการหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ปาหิน คือหากไม่จำเป็น เฉพาะช่วงเวลานี้ไม่ควรขับรถออกนอกเมืองในช่วงระหว่างเวลา 20.00-06.00 น. ของวันรุ่งขึ้น และแม้ว่าจะมีบางเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงกลางวัน แต่ส่วนมากที่เป็นข่าวก็เป็นช่วงกลางคืน หากจำเป็นต้องออกเดินทางไปต่างจังหวัด ควรใช้ความระมัดระวัง โดยเฉพาะคนที่ขับรถเลนขวาและใช้ความเร็วสูง ยิ่งเมื่อต้องขับในพื้นที่เปลี่ยว ไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง หรือเวลาขับรถผ่านบริเวณที่มีไฟฟ้าส่องสว่างแล้วปรากฏว่าเห็นกลุ่มวัยรุ่นจอดรถมอเตอร์ไซค์มั่วสุม ยิ่งต้องระมัดระวัง
หากเกิดเหตุการณ์ถูกปาหิน พยายามตั้งสติประคองรถให้กลับมาในเส้นทางเดิมให้ได้ และขับรถต่อไปจนถึงสถานที่ซึ่งมีคนอาศัยอยู่ เช่น ปั้มน้ำมันในเขตชุมชน ป้อมยาม ป้อมตำรวจทางหลวง หรือสถานีตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือ ไม่ควรจอดรถอยู่กับที่เพราะจะเข้าทางมิจฉาชีพ โดยหมายเลขโทรศัพท์เมื่อต้องการแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191, ทางหลวง 1193 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือหมายเลข 1677 ร่วมด้วยช่วยกัน, จส.100 โทร.1137 หรือโทร 1669 หน่วยกู้ภัย
ส่วนล่าสุดเหตุการณ์ปาหินในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ยังไม่พบเบาะแสผู้ที่ก่อเหตุ แต่มีการตั้งรางวัลนำจับแล้วถึง 30,000 บาท แม้จะมีการตั้งรางวัลนำจับแล้ว แต่พบว่าไม่มีเบาะแสใดที่จะเชื่อมไปถึงผู้ก่อเหตุ เพราะว่า กล้องวงจรปิดในพื้่นที่เสียเกือบทั้งหมด ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ อ.บางปะหัน ยังคงกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยชาวบ้านในพื้นที่เชื่อว่าผู้ก่อเหตุเป็นวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ยิงปืนใส่รถบรรทุกที่ขัดขวางการแข่งรถจนตำรวจเข้ามาจับกุมไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยขอให้ตำรวจรีบนำตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษ
สำหรับเหตุการณ์ปาหินใส่รถบัส กรุงเทพฯ - พะเยา และรถยนต์ของประชาชนที่สัญจรบนถนนเอเชีย ช่วงเชิงสะพานข้ามแม่น้ำลพบุรี ต.โพธิ์สามต้น อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงไร้เบาะแส เบื้องต้น เช็กกล้องวงจรปิด จากรถทัวร์คันเกิดเหตุของบริษัทสมบัติทัวร์ ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทยังไม่ยอมให้เปิดดูกล้อง เนื่องจากต้องทำหนังสือเป็นทางการ ส่วนการไล่ตรวจเช็กกล้องวงจรปิดปั๊มน้ำมันใกล้เคียง แต่ไม่เป็นผล เนื่องจากกล้องทุกปั๊มละแวกดังกล่าวเสียทั้งหมด ทำให้ สภ.บางปะหัน ประกาศใครแจ้งเบาะแสผู้ก่อเหตุจนนำไปสู่การจับกุมได้ จะมีเงินรางวัลให้ 30,000 บาท
ขณะที่ตำรวจตั้งประเด็นการก่อเหตุ ไว้ 3 เรื่อง คือความคึกคะนองของวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ชอบนำรถมาแข่งขันกันบนถนน เรื่องที่ 2 เป็นการหมายต่อทรัพย์ และเรื่องสุดท้าย ผู้ก่อเหตุเป็นพวกโรคป่วยทางจิตและจากคำให้การของผู้ขับขี่ชี้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นชายวัยรุ่น ลักษณะผอม ผมหยิกสั้น ยืนอยู่ข้างถนนด้านซ้าย ใส่เสื้อสีฟ้า กางเกงลายขาสั้น พร้อมพาหนะเป็นรถจักรยานยนต์สีเข้ม 1 คัน