วันนี้ (14 ต.ค. 2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย มีข้อแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับการรับมือ “กระบวนการสูญเสีย เศร้าโศก เสียใจ ตามปกติธรรมชาติของมนุษย์” (Normal Grief Reaction) โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มจิตแพทย์โรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลทั่วไป ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ดังนี้
1.สำหรับประชาชนทั่วไป ความเศร้าโศกเสียใจ และการร้องไห้ เป็นเรื่องปกติ ควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ทั้งนี้ อย่ารบกวนกระบวนการสูญเสีย เศร้าโศก เสียใจ ตามปกติธรรมชาติของมนุษย์ เพราะจะทำให้เกิดผลเสียต่อภาวะจิตใจมากขึ้นในภายหลัง
2.การดูแลกระบวนการสูญเสีย เศร้าโศก เสียใจ ตามปกติธรรมชาติของมนุษย์
- อยู่ในความสงบ
- สวดมนต์ไหว้พระ
- อยู่กับคนใกล้ชิด
- ปลอบใจกัน
- ให้กำลังใจกัน
- ทำบุญมากขึ้น
- ทำกิจวัตรใกล้เคียงกับปกติ
- ร้องไห้ได้ ไม่ผิดอะไร
- เข้าพิธีการที่จัดตามเหมาะสม
- ไม่หมกหมุ่นครุ่นคิดแต่เรื่องเดียว
3.สำหรับผู้ที่เศร้าโศกเสียใจจนเกินรับได้ ขอให้งดเสพข่าวชั่วคราว เนื่องจากภาพทางสื่อต่าง ๆ อาจทำให้ความเศร้าโศกทวีความรุนแรง
4.สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและโรคทางจิตเวชอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์ประจำที่รักษาให้การดูแลรักษาอยู่ ส่วนบุคคลทั่วไปสามารถรับคำปรึกษาจากบุคลากรสาธารณสุขหรือบุคลากรจากสุขภาพจิต หากมีความคิดอยากทำร้ายตนเอง หูแว่ว หวาดกลัวโดยไม่มีเหตุผล มีความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจต่อเนื่องจนทำกิจวัตรประจำวันไม่ได้
5.ใช้หลักศาสนาเข้าช่วยเยียวยาจิตใจ
ทั้งนี้ กระบวนการสูญเสีย เศร้าโศก เสียใจ ตามปกติธรรมชาติของมนุษย์ (Normal Grief Reaction) ไม่จำเป็นต้องใช้ยาเพื่อระงับอาการในช่วงนี้
ด้าน เพจเฟซบุ๊ก Phra Paisal Visalo ช่องทางสื่อสารทางโซเชียลเน็ตเวิร์กของ พระนักเผยแผ่ พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ได้โพสต์ข้อความเตือนสติ ดังนี้
ในที่สุดวันที่เราทั้งหลายไม่ปรารถนาก็มาถึง การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของชาติไทย เพราะทรงเป็นสดมภ์หลักของแผ่นดิน และทรงเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจของพสกนิกรในชาติมาช้านาน
แต่แม้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัยไปแล้ว น้ำพระทัยและคุณงามความดีของพระองค์ก็ยังประทับแน่นในใจของพสกนิกรทั้งหลาย เมื่อใดที่เราระลึกถึงน้ำพระทัยและคุณงามความดีของพระองค์ ก็เสมือนว่าพระองค์ยังทรงประทับอยู่กับเรา ขอให้ความระลึกถึงดังกล่าวเป็นแรงบันดาลใจ ให้เราทำความดีและบำเพ็ญประโยชน์เพื่อประเทศชาติด้วยความวิริยะอุตสาหะ แม้ประสบอุปสรรคมากมายเพียงใดก็ตาม ให้สมกับเป็นพสกนิกรที่ดีของพระองค์
สำหรับชาวพุทธ นี้เป็นโอกาสที่ควรพินิจถึงความจริงที่เรียกว่าพระอนิจจลักษณะ แม้เป็นความจริงที่ไม่พึงประสงค์ในยามนี้ แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหนีพ้นได้เลย จึงเป็นสิ่งที่เราพึงยอมรับและเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ เพื่อก้าวไปข้างหน้าและสร้างสรรค์ความดีด้วยใจที่ไม่ประมาทเมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ใกล้เสด็จดับขันธปรินิพพาน พระสาวกจำนวนไม่น้อยพากันโศกเศร้า พระพุทธองค์จึงตรัสว่า
“เธออย่าเศร้าโศกเลย อย่าคร่ำครวญเลย เราบอกไว้ก่อนแล้วมิใช่หรือว่า ความพลัดพราก ความสูญเสีย ความผันแปรแห่งของรักของชอบใจทุกอย่าง จะต้องบังเกิดขึ้น ฉะนั้นจะหาอะไรจากที่ไหนในสังขารนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นมีขึ้น ถูกปัจจัยปรุงแต่งล้วนเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา เป็นไปไม่ได้ที่จะปรารถนาว่าขอสิ่งนั้น อย่าเสื่อมสลายไปเลย”
พระอนิจจลักษณะนั้น เป็นความจริงที่บางครั้งสร้างความเจ็บปวดอย่างยิ่ง แต่ก็เป็นความจริงที่สามารถพาเราออกจากทุกข์ได้ เมื่อเราเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง