พล.อ.อุดมเดช กล่าวภายหลังการประชุมกลุ่มงานด้านรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของ คปต.เมื่อวานนี้ (26 ต.ค.2559) ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธสาสตร์การแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เน้นย้ำแนวทางการขับเคลื่อนตามนโยบายแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล โดยเฉพาะการประสานและการให้คำแนะนำ และจะประเมินผลการปฏิบัติในช่วง 3 เดือนแรก
พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า การแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นปัจจัยสำคัญอยู่ที่ระดับปฏิบัติการในพื้นที่ ถ้าทุกส่วนราชการทำได้ดี ก็จะแก้ปัญหาได้ดี นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่า คปต.จะประเมินผลการทำงานของผู้ปฏิบัติงานในช่วง 3 เดือนแรกนับจากนี้
"ที่สำคัญคือระดับปฏิบัติการในพื้นที่ ถ้าทุกส่วนราชการทำได้ดี ก็จะดี การทำงานจะต้องประเมินผล คณะผู้แทนพิเศษจะประเมินผู้ที่ปฏิบัติในช่วงไตรมาสแรก ตามตัวชี้วัดที่ คปต.กำหนดขึ้น บุคลากรคนไหนที่ตั้งใจ ก็ให้กำลังใจ แต่ถ้าคนใดหย่อนยาน ก็มีความจำเป็นต้องรายงานผู้บังคับบัญชาก็ต้องทำ"
พล.อ.อุดมเดชย้ำว่า คปต.ส่วนหน้าจะไม่ลงไปสั่งการหน่วยงานในพื้นที่ แต่จะทำงานในเชิงประสาน
"เราจะไม่ไปสั่งการ ให้ขัดกับส่วนราชการที่มีแนวทางอยู่แล้ว เป็นแค่การประสานงาน" พล.อ.อุดมเดชระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขับเคลื่อนแผนแก้ปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นของ คปต.ประกอบด้วย 7 กลุ่มงาน โดยเมื่อวานนี้ (26 ต.ค.) เป็นการประชุมของกลุ่มงานแรก คือ กลุ่มงานด้านรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยมี พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมประชุมด้วย และหลังจากนี้จะเป็นการประชุมของกลุ่มงานอื่นๆ ต่อไปตามลำดับ
คณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาลหรือของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) เป็นส่วนหนึ่งในการปรับปรุงการบริหาร งานแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 57/2559 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงาน ตามโครงสร้าง 3 ระดับคือ ระดับนโยบาย ระดับแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ และระดับหน่วยปฏิบัติ โดย กอ.รมน.และ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ปฏิบัติหน้าที่และมีอำนาจในการแก้ไขปัญหาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมี คปต.เป็นฝ่ายบูรณาการงานในระดับแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ โดยมี "สำนักงาน คปต. ส่วนหน้า" ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อปฏิบัติงานด้านธุรการ โดยสำนักงานจะอยู่ในค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย หรือกองบัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 จ.ปัตตานี
นอกจาก คปต.แล้ว ยังมีคณะพูดคุยเพื่อสันติสุข ที่ดำเนินการ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและมาเลเซีย ซึ่ง พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพุดคุยเพื่อสันติสุข เปิดเผยล่าสุดว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือกำหนดพื้นที่ปลอดภัย ใน 3 แนวทาง แต่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง สร้างความปลอดภัย เพื่อนำไปสู่การยุติเหตุรุนแรง
ในขณะเดียวกันยังมีข้อเน้นย้ำถึงการขับเคลื่อนโครงการพาคนกลับบ้าน หรือโครงการนำผู้หลงผิดกลับสู่สังคม ซึ่งส่วนงานนี้เกี่ยวพันกับหลายส่วนราชการ แต่จนถึงขณะนี้ก็มีรายชื่อผู้แจ้งเข้าร่วมโครงการแล้ว ประมาณ 4,000 คน และจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่ตลาดโต้รุ่งในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 24 ต.ค.2559 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 21 คน หัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาลเห็นควรกระชับแผนรักษาความปลอดภัยให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยต้องพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นในตัวเมือง ถนนเส้นหลัก แต่ต้องไม่ละเลยถนนเส้นรอง หรือในเขตชนบท พร้อมชี้ว่าในแผนที่กำหนดไว้ ยังมีช่องว่างให้ผู้ก่อเหตุ