ขณะที่ภาครัฐเร่งหามาตรการช่วยเหลือชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี ชาวนากลุ่มหนึ่งใน ต.หนองกุลา อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ที่เป็นสมาชิกของสหกรณ์การเกษตรนิคมสร้างตนเองบางระกำ จำกัด เลือกที่จะพึ่งพาตนเองโดยไม่รอความช่วยเหลือจากภาครัฐ ทยอยนำผลผลิตข้าวที่เก็บเกี่ยวเสร็จไปส่งให้สหกรณ์เพื่อผลิตเป็นข้าวถุงส่งขายในราคาประหยัด แทนการขายให้กับโรงสีข้าวในพื้นที่เพราะถูกกดราคา
การขายข้าวในสหกรณ์ทำให้ชาวนาได้ราคาที่สูงกว่าขายให้โรงสีตันละ 1,000-2,000 บาท คือ ตั้งแต่ตันละ 6,500-7,200 บาท ขณะที่โรงสีรับซื้อที่ตันละ 5,000-6,000 บาทเท่านั้น
เจ้าหน้าที่สหกรณ์การเกษตรฯ บางระกำ ระบุว่า การรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาเป็นฤดูกาลเพาะปลูกที่ 3 แล้ว โครงการนี้แก้ปัญหาราคาเปลือกตกต่ำตามวัตถุประสงค์ได้เป็นอย่างดี ควบคู่ไปกับการปรับตัวของชาวนาในเรื่องของการลดต้นทุนการผลิต เพื่อให้ชาวนาเหลือรายได้หลังหักต้นทุนพอเพียงเอาไว้ใช้จ่ายและชำระหนี้สิน
ขณะที่ชาวนาคนหนึ่ง ระบุว่า การปลูกข้าวให้สหกรณ์จะต้องปลูกตามข้อตกลงเพื่อให้ผลผลิตได้มาตรฐานปลอดศัตรูพืชและปลอดภัย มีการทำรายรับรายจ่าย เพื่อคำนวนต้นทุนต่อแปลง เฉพาะของตัวเองปลูก 17 ไร่ ได้ผลผลิตข้าว 16 ตัน ขายได้ราคาตันละ 7,200 บาท โดยมีต้นทุนต่อไร่เพียงละ 2,700 บาท จึงพอมีกำไรและอยู่ได้
สำหรับผลผลิตข้าวของสหกรณ์เมื่อนำไปแปรรูปและส่งขายข้าวขาวคัดพิเศษ 100 % ราคาขายปลีก ขนาด 5 กิโลกรัม ถุงละ 90 บาท, ขนาด 15 กิโลกรัม ถุงละ 250 บาท ส่วนข้าวหอมมะลิ 100 % ราคาขายปลีก ขนาด 5 กิโลกรัม ถุงละ 160 บาท ขนาด 15 กิโลกรัม ถุงละ 450 บาท ซึ่งข้าวทั้งหมดส่งขายตามร้านค้าใน จ.กำแพงเพชร พิษณุโลก และสุโขทัย ขณะนี้ยังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง