วันนี้ (7 พ.ย.2559) พล.ต.ต.ทรงพลให้สัมภาษณ์กรณีนายอัครณัฐพิธีกรชื่อดังและคู่กรณีที่ขับรถมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวชนแจ้งความดำเนินคดีซึ่งกันและกันว่า เมื่อวานนี้ (6 พ.ย.2559) พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ได้เรียกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาสอบสวนเบื้องต้น และได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว โดยนายอัครณัฐถูกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ส่วนนายกิตติศักดิ์ถูกแจ้งข้อหาขับขี่รถโดยประมาทและหลบหนีโดยไม่หยุดให้การช่วยเหลือ ซึ่งเบื้องต้นนายกิตติศักดิ์ได้ยอมรับว่า เมื่อเฉี่ยวชนแล้วได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปโดยไม่ได้แจ้งเหตุจริง ซึ่งถือว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร พ.ศ.2522
พล.ต.ต.ทรงพลกล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรอความเห็นจากแพทย์ที่ตรวจร่างกายนายกิตติศักดิ์ เพื่อประกอบการทำสำนวนคดีว่านายอัครณัฐจะมีความผิดฐานใดระหว่าง ข้อหาทำร้ายร่างกายธรรมดาหรือเป็นการทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา 297 ของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี แต่หากเป็นการทำร้ายร่างกายธรรมดาจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ต.ทรงพลยืนยันว่า นายกิตติศักดิ์ยอมรับสารภาพว่าไม่ได้หยุดรถเพื่อแจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่จริงหลังเกิดเหตุเฉี่ยวชนรถมินิคูเปอร์ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าจุดเกิดเหตุอยู่ที่บริเวณใกล้สี่แยกบางรัก แต่จุดที่นายกิตติศักดิ์หยุดรถอยู่คนละที่กัน ทำให้เชื่อได้ว่านายกิตติศักดิ์ไม่ได้หยุดรถเพื่อแจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงาน
ผบก.น.6 เปิดเผยด้วยว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้กำชับให้เร่งดำเนินการในกรณีนี้ และขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดรถทั้งมินิคูเปอร์และรถมอเตอร์ไซค์ของนายกิตติศักดิ์และนำไปตรวจสภาพที่กองกำกับการ 3 บก.จร.
ขณะที่วันนี้ (7 พ.ย.2559) พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ทรัพย์ละออ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลยานนาวาสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดและเรียกสอบพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุ
พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ กล่าวว่าได้สั่งให้ฝ่ายสืบสวนเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในคดีนายอัครณัฐทำร้ายร่างกาย นายกิตติศักดิ์ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในช่วงก่อนเกิดเหตุและขณะเกิดเหตุ รวมทั้งเรียกพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุมาสอบปากคำเพิ่มเติม
พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ล่าวว่า ขณะนี้ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับทั้งสองฝ่ายแล้ว ซึ่งเรื่องนี้พนักงานสอบสวนได้แยกเป็น 2 สำนวนคดี
ทั้งนี้คาดว่า คดีของนายกิตติศักดิ์จะสามารถสรุปคดีได้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ส่วนคดีทำร้ายร่างกายของนายอัครณัฐ พนักงานสอบสวนต้องรอผลแพทย์ เพื่อวินิจฉัยอาการบาดเจ็บ ซึ่งยืนยันว่า ทั้งสองคดีนี้ ไม่สามารถยอมความในชั้นพนักงานสอบสวนได้ แต่มั่นใจว่า คู่กรณีทั้งสองฝ่ายจะมีการหารือตกลงชัดใช้ค่าเสียหาย ในทางแพ่งแก่กันและกัน ซึ่งในส่วนนี้ พนักงานสอบสวนจะบันทึกเป็นความเห็นในสำนวนในการส่งฟ้องต่อศาล คาดว่า สำนวนคดีจะแล้วเสร็จภายใน 30 วัน ตามกรอบของกฎหมาย
เหตุการณ์ที่นายอัครณัฐทำร้ายร่างกายนายกิตติศักดิ์ซึ่งขี่รถมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวชนรถมินิคูเปอร์ที่นายอัครณัฐเป็นผู้ขับขี่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พ.ย.2559 และกลายมาเป็นเหตุการณ์ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเมื่อมีผู้เผยแพร่คลิปที่นายอัครณัฐต่อว่าและชกหน้านายกิตติศักดิ์ รวมทั้งสั่งให้นายกิตติศักดิ์กราบรถของเขา
หลังคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ บริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายการที่นายอัครณัฐเป็นพิธีกรได้สั่งยกเลิกสัญญาและยุติการทำงานทุกประเภทของนายอัครณัฐ ขณะที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสระงับการออกอากาศผลงานทั้งหมดของนายอัครณัฐ ได้แก่ ละครเรื่อง "ก๊วนสืบหลังเลิกเรียน" และพิธีกรรายการ "Thailand Science Challenge ท้าประลองวิทย์" โดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป