ช่วงค่ำวันนี้ (8 พ.ย.2559) นายอัครณัฐเข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลยานนาวา เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 1 ข้อหาตามาตรา 309 ของประมวลกฎหมายอาญา คือ ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น
พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ตำรวจได้แจ้งข้อหานายอัครณัฐฐานทำร้ายร่างกาย และได้แจ้งข้อหานายกิตติศักดิ์ สิงโต คู่กรณีฐานขับขี่รถโดยประมาทและหลบหนี แต่หลังจากได้ตรวจสอบภาพบันทึกเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พ.ย.2559 เพิ่มเติม พนักงานสอบสวนเห็นว่าต้องแจ้งข้อหาเพิ่มคือ กระทำความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพและชื่อเสียง ตามมาตรา 309 ของประมวลกฎหมายอาญา จากการกระทำข่มขืนใจผู้อื่นให้สูญเสียเสรีภาพ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ระหว่างที่มารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ (8 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวถามนายอัครณัฐว่ามีอะไรอยากจะบอกสังคมตอนนี้หรือไม่ นายอัครณัฐซึ่งมีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลาที่เดินทางมาถึง สน.ยานนาวายกมือขึ้นไหว้พร้อมกับกล่าวว่า
"ผมขอโทษจริงๆ ครับ ผมขอโทษกับสิ่งที่ผมทำไม่ดี ผมขอโทษที่ทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้น ผมยังเหมือนเดิมครับ ผมจะรับผิดชอบน้องเขาครับ ผมขอโทษทุกคน ผมมีสติไม่พอจริงๆ ครับ"
นายอัครณัฐระบุว่าเขาได้พยายามติดต่อนายกิตติศักดิ์ทุกวันเพื่อจะไปเยี่ยม แต่เมื่อโทรศัพท์ไปช่วงเย็นวันนี้ คุณแม่ของนายกิตติศักดิ์ไม่ได้รับโทรศัพท์
"แต่ผมยังส่งข้อความไป ผมรับผิดชอบเหมือนเดิมครับ" นายอัครณัฐกล่าว
ขณะที่นายกิตติศักดิ์ คู่กรณี ยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเลิดสิน หลังผ่าตัดศัลยกรรมจมูก เนื่องจากดั้งจมูกแตก โดยแพทย์ให้พักฟื้นดูอาการอีกประมาณ 2-3 วัน