วันนี้ (20 ธ.ค.2559) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เตรียมดำเนินคดีกับสถานปฏิบัติธรรมใน จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต จำนวน 2 แห่ง ที่มีความเชื่อมโยงกับวัดพระธรรมกาย เนื่องจากพบมีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนนับร้อยไร่ สร้างเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งที่ผ่านมามีการดำเนินคดีและออกหมายจับสถานปฏิบัติธรรมที่มีความเชื่อมโยงกับวัดพระธรรมกายทั่วประเทศไปแล้วกว่า 10 แห่ง โดยคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ไม่เกี่ยวข้องกับ 158 คดี ที่ตำรวจดำเนินคดีกับวัดพระธรรมกายและผู้เกี่ยวข้อง พร้อมยืนยันด้วยว่าคดีวัดพระธรรมกาย กฎหมายอาญาปกติยังสามารถบังคับใช้ได้อยู่ ไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจมาตรา 44
ส่วนจะมีการขอหมายค้นวัดพระธรรมกายในสำนวนคดีบุกรุกป่าใน จ.นครราชสีมา และ จ.เลย หรือไม่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม และที่ผ่านมา การบังคับใช้กฎหมายตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไม่ได้ล้มเหลว เพราะจากการประเมินพบว่าหากเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายในช่วงที่ศาลออกหมายค้น อาจเกิดความวุ่นวายได้ เพราะจากการข่าวพบว่าศิษยานุศิษย์ภายในวัด มีการโรยตะปูเรือใบ และนำแท่งคอนกรีตมาขัดขวางเจ้าหน้าที่ ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องเข้าปฏิบัติการในช่วงดังกล่าว
ส่วนการดำเนินคดีกับนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ขณะนี้ ยังหลบหนีอยู่ และไม่พบหลักฐานว่าเดินทางออกนอกประเทศ ส่วนจะหลบหนีอยู่ที่ใด ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า การติดป้ายประกาศยึดกำแพงและสิ่งปลูกสร้างของวัดพระธรรมกายเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนกรณีที่ทางวัดฯ จะฟ้องร้องเอาผิดกับเจ้าหน้าที่นั้น ตามกฎหมายก็สามารถดำเนินการได้เช่นกัน เพราะกฎหมายของประเทศไทยเป็นลักษณะของการกล่าวหา