ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ดีเดย์ 15 มี.ค. ปิดตลาดรอบวิหารพระมงคลบพิตร -ตัดน้ำตัดไฟกดดัน

ภูมิภาค
15 มี.ค. 60
08:23
906
Logo Thai PBS
ดีเดย์ 15 มี.ค. ปิดตลาดรอบวิหารพระมงคลบพิตร -ตัดน้ำตัดไฟกดดัน
15 มี.ค.ครบกำหนดที่แผงค้าโดยรอบวิหารพระมงคลบพิตรต้องย้ายไปยังที่ใหม่ ตามแนวทางแก้ปัญหาแผงค้ารุกล้ำพื้นที่โบราณสถาน ซึ่งหากไม่แก้ไขจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ยูเนสโก้ อาจจะถอดชื่อพื้นที่ประวัติศาสตร์ออกจากการขึ้นทะเบียนมรดกโลก

วันนี้ (15 มี.ค.2560) นางสยุมพร กุลสุข หัวหน้าชุดเฉพาะกิจศูนย์ดำรงธรรม จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า วันนี้จะเป็นวันแรกในการใช้มาตรการตัดน้ำตัดไฟ ในตลาดหลังวิหารหลวงพ่อพระมงคลบพิตร เพื่อกดดันให้ผู้ค้าที่บุกรุกเขตโบราณสถานอันเป็นมรดกโลก 163 ร้านค้า รื้อย้ายร้านค้าออกไป ยังจุดรองรับแห่งใหม่ ที่กำหนดให้เป็นจุดจอดรถและศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ก่อนจะมีรถรางมารับนักท่องเที่ยวไปชมโบราณสถานต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ร้านค้าโดยรอบวิหารพระมงคลบพิตร จ.พระนครศรีอยุธยา ยังไม่เริ่มรื้อถอนแผงค้าเพื่อย้ายไปยังสถานที่แห่งใหม่ บรรยากาศการซื้อขายยังเป็นไปตามปกติ ผู้ค้าส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่ารู้สึกกังวลถึงอนาคตและรายได้หลักที่จะหายไป หากแผงค้ากว่า 200 แผง ต้องย้ายไปที่แห่งใหม่ ตามแนวทางแก้ปัญหารุกล้ำโบราณสถานและรักษาเอกลักษณ์เมืองมรดกโลก

“คิดว่ามันขายไม่ได้แน่ๆ เพราะว่าที่ร้านขายของที่ระลึก มีการคุยกับไกด์ทุกคนจะบอกว่า เขาไม่มีเวลาที่จะตามไปซื้อที่ใหม่ได้ ยอมเสียสละได้มั้ย แล้วถ้าเราไม่มีกินเราจะทำยังไง ประเด็นมันอยู่ที่ว่าปากท้องและชีวิตประจำวันของเรา จะเสียสละให้แล้วจะเอาอะไรกินอะไรใช้"  นางสมถวิล วิหกรัตน์ ผู้ค้าบริเวณวิหารพระมงคลบพิตร กล่าว

“มันก็ดี แต่ถ้าเขาบอกว่าถ้าไปที่ใหม่เขาจะจัดนู้นนี่ให้ จะมีลูกค้าให้ ถ้าเขาจัดได้ก็อยู่ได้ แต่เมื่อเห็นสถานที่แล้วมันไม่ใช่” นายพูลสวัสดิ์ นักเกลื่อน ผู้ค้าบริเวณวิหารพระมงคลบพิตร กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่ที่ทางจังหวัดจัดสรรไว้เพื่อรองรับกลุ่มผู้ค้าบริเวณวิหารพระมงคลบพิตรทั้งหมดกว่า 200 ราย อยู่ห่างจากจุดค้าเดิมไม่ถึง 1 กิโลเมตร คือบริเวณหลังศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาหลังเก่า สถานที่ถูกจัดแบ่งเป็น 5 โซน เต็นท์ผ้าใบและแผงค้ามีขนาดประมาณ 2x2 เมตร เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าพื้นที่ค้าแห่งใหม่มีความพร้อมทั้งสถานที่และระบบน้ำไฟแล้วกว่าร้อยละ 90

น.ส.สุกัญญา เบานิด ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า มีความพยายามแก้ปัญหานี้่มาโดยตลอด กระทั่งเดือนธันวาคม 2559 มีข้อท้วงติงจากยูเนสโก้ว่า หากไม่เร่งแก้ไขปัญหา อาจถูกถอดออกจากการขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางวัฒนธรรม

“การโยกย้ายมาก็มีบ้างที่ไม่เห็นด้วย แต่ส่วนใหญ่เห็นด้วย 60-70 % ที่จะเข้ามาในพื้นที่แห่งใหม่ เราไม่ได้ใช้การกดดันหรือผลักดันอย่างรุนแรง เราใช้ความประนีประนอม เราชักชวนให้เห็นถึงประโยชน์ว่ามาแล้วจะดีกว่าเดิมได้อย่างไร เราพยายามที่จะให้ข้อมูล ให้ความชัดเจน ให้ความมั่นใจกับผู้ประกอบการอยู่ตลอด” น.ส.สุกัญญา กล่าว

ทั้งนี้ การสั่งย้ายแผงค้ากว่า 200 ราย จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็นภายในวันที่ 31 มีนาคมนี้ และวันนี้จะเป็นวันแรกที่จะปิดพื้นที่ไม่ให้รถขนาดใหญ่เข้าและให้ผู้ค้าทยอยขนย้ายออกจากพื้นที่

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง