วันนี้(15 เม.ย. 2560) นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคยอดฮิตที่มากับการสาดน้ำสงกรานต์คือ โรคตาแดง เกิดจากสิ่งสกปรกเข้าตา โดยเฉพาะน้ำสกปรกที่ไม่ทราบแหล่งที่มาของน้ำ จึงเตือนประชาชนให้ระมัดระวังหลีกเลี่ยงการนำน้ำที่ไม่สะอาด หรือน้ำที่มีขุ่นโคลนมาเล่นสาดน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะอาจทำให้เป็นโรคผิวหนัง หรือติดเชื้อโรคตาแดงได้ ที่สำคัญไม่ควรสาดหรือฉีดน้ำเข้าดวงตาโดยตรงเนื่องจากจะทำให้ตาเกิดอักเสบหรืออันตรายถึงขั้นตาบอดได้
จากข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. –3 เม.ย.นี้ ทั่วประเทศพบผู้ป่วยโรคตาแดง 28,124 ราย จาก 77 จังหวัด และคาดว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังหมดเทศกาลสงกรานต์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราผู้ป่วยสูงสุด โดย 5 จังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อแสนคนสูงสุด ได้แก่ อุบลราชธานี แม่ฮ่องสอน ศรีสะเกษ เชียงราย และลำปาง ผู้ป่วยสามารถพบได้ทุกกลุ่มอายุ
โดยหลักในการเล่นสงกรานต์ควรเป็นน้ำสะอาด เช่น น้ำประปา น้ำบาดาล และไม่ควรใช้น้ำสกปรก เช่น น้ำในลำคลอง น้ำเย็น น้ำแข็ง น้ำผสมเม็ดแมงลัก หรือผสมสีย้อมผ้าอย่างเด็ดขาด เนื่องจากจะมีสิ่งปนเปื้อน เช่น เชื้อแบคทีเรีย และพยาธิ รวมถึงสารพิษจากสารเคมี
นอกจากนี้การใช้ปืนฉีดน้ำที่มีแรงดันสูง นับว่ามีอันตรายมาก แรงดันน้ำจะเป็นอันตรายต่ออวัยวะที่บอบบาง เช่น ตา ทำให้เกิดอันตราย แก้วตาดำทะลุ เลือดออกช่องม่านตาดำ ทำให้ตามัว และอาจตาบอดได้ โดยผู้ที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่น ผู้ที่ใส่บิ๊กอายส์ คอน แทคเลนส์ ผู้ป่วยที่เคยผ่าตัดต้อกระจก ผู้ที่เป็นต้อหิน เยื่อบุตาขาวอักเสบ จะเกิดปัญหาได้ง่าย