วันนี้ (23 พ.ค.2560) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยหลังประชุมคดีระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าโดยรับว่า ก่อนเกิดเหตุ 3 วัน มีจดหมายแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดที่มาของจดหมายดังกล่าว
สำหรับข้อความจดหมายดังกล่าว จ่าหน้าซองถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ถนนพะราม 6 เนื้อหาขอให้ระวังการก่อร้ายภายในโรงพยาบาลรัฐในละแวกนี้ ซึ่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งนั้นได้มีการแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนระเบิดที่ผู้ก่อเหตุนำไปวางไว้ก่อนเกิดระเบิด 2- 4 ชั่วโมง และจากลักษณะการประกอบระเบิด พบเชื่อมโยงกับระเบิดที่หน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ถนนราชดำเนิน และ หน้าโรงละครแห่งชาติ รวมถึงเหตุระเบิดในพื้นที่กรุงเทพมหานครเมื่อ ปี 2550
พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผู้กำกับกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (EOD) ระบุว่า ความเชื่อมโยงลักษณะระเบิดที่ใช้ก่อเหตุในช่วงการชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2550 ที่มีการก่อเหตุบริเวณเมเจอร์ รัชโยธิน , ซอยราชวิถี 26 และ กองบัญชาการทหารบก กับเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เนื่องจากมีวัตถุพยานที่เก็บได้ตรงกันประกอบด้วย ชิ้นส่วนท่อพีวีซี ,ไอซีไทม์เมอร์ หรือ ตัวตั้งเวลา ,วงจรประจุ ,แบตเตอรี่ และสายไฟที่มีการเชื่อมต่อวงจร
ทั้งหมดมีลักษณะวงจรประกอบเหมือนกัน แต่ต่างกันที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้ามีการใช้ตะปูเป็นสะเก็ดระเบิด และไม่ยืนยันว่าคนประกอบเป็นคนเดียวกันหรือไม่ ต้องรอผลการตรวจดีเอ็นเอที่แจกัน จากกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ
ขณะที่ นายภัทรุตม์ ทรรทรานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ออกหนังสือด่วนที่สุด ยกระดับการรักษาความปลอดภัยทั่วกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งสั่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดกว่า 50,000 กล้อง ให้พร้อมใช้งานทุกจุดตลอด 24 ชั่วโมง และปรับย้ายตำแหน่งตามความเหมาะสมต่อการใช้งาน
ส่วนที่โรงพยาบาลตำรวจเจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบคัดกรองรถยนต์ที่ผ่านเข้าออกบริเวณ พล.ต.ท.วิฑูรย์ นิติวรางกูร นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า สั่งเพิ่มความเข้มการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และแม้มีกล้องวงจรปิดกว่า 300 กล้อง ซึ่งมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์รักษาความปลอดภัยโรงพยาบาล แต่ยอมรับว่า โรงพยาบาลมีพื้นที่กว้าง และเป็นพื้นให้บริการประชาชน ดังนั้น การรักษาความปลอดภัยจึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง