วันนี้ (25พ.ค.2560) นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี กล่าวถึงวัตถุประสงค์การออกประกาศ จัดซื้อจัดจ้างโครงการจัดทำ "ศูนย์ข้อมูล Big Data" และวิเคราะห์อาชญากรรมเทคโนโลยี เพื่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน สังคม และความมั่นคงของชาติว่า เป็นการจัดทำระบบจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญา กรรมทางเทคโนโลยี หรือบก.ปอท.
เนื่องจากขณะนี้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการกระทำความผิดด้านคอม พิวเตอร์ ยังขาดแคลนเครื่องมือที่ทันสมัย อาศัยเพียงความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่เท่านั้น
การนำแนวทางบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data มาปรับใช้ จะเป็นประโยชน์ในการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล และจะใช้งานกับเว็บไซต์ที่เปิดเป็นสาธารณะเท่านั้น เพื่อตักเตือนการกระทำไม่เหมาะสม และมีโอกาสกระทำผิดกฎหมายในอนาคตไม่ได้ใช้เพื่อสอดส่อง จ้องจับผิดประชาชน
ส่วนเรื่องที่ตำรวจกำลังหาเครื่องมือ ที่สามารถตรวจสอบว่าผู้ใดที่เข้าไปอ่านเนื้อหาผิดกฎ หมาย เพื่อดำเนินการเอาผิดนั้น ก็เพื่อขยายขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ในการตรวจจับเนื้อหาผิดกฎหมายตามเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ ที่เปิดสาธารณะเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนที่เข้าไปอ่านเนื้อหาที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด ยกเว้นหากมีการนำเข้า เผยแพร่ หรือส่งต่อเนื้อหาที่เป็นความผิดจึงจะผิดกฎหมาย
และวานนี้ (24 พ.ค.)เป็นวันแรกที่ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ ฉบับใหม่ เริ่มมีผลบังคับใช้ ซึ่งรองปลัดกระทรวงดีอี ยืนยันว่า การบังคับใช้จะไม่กระทบกับวิถีชีวิตของประชาชนทั่วไป แต่เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ทำให้ต้องมีเครื่องมือที่เท่าทัน พ.ร.บ.ฉบับใหม่ จะอุดช่องโหว่ทั้งหมด และจะมีการออกกฎหมายลูกอีก 5 ฉบับเพื่อลงรายละเอียดในแต่ละมาตรา
โดยทางกระทรวงดีอี จะเดินสายเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ประชาชน และภาคเอกชน ใน 5 จังหวัดใหญ่ เริ่มต้นที่กรุงเทพมหานคร จัดเมื่อวันที่ 23 พ.ค. ครั้งที่จะ 2 จ.ชลบุรี ในวันที่ 1 มิ.ย. ครั้งที่ 3 วันที่ 7 มิ.ย.ที่จ.เชียงใหม่ ครั้งที่ 4 วันที่ 16 มิ.ย. ที่จ.ภูเก็ต และครั้งที่ 5 วันที่ 19 มิ.ย.ที่จ.อุบลราชธานี เพื่อให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน และบังคับใช้ทัน 23 ก.ค. นี้