วันนี้ (1 มิ.ย.2560) “คลินิกแก้หนี้” จะเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการ หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารพาณิชย์ 16 แห่ง ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาหนี้เสียบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลให้กับประชาชนรายย่อย ที่เป็นหนี้กับธนาคารหลายแห่ง
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีระยุทธ ประธานกรรมการบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) กล่าวว่า มีลูกหนี้หลายแสนคนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ แต่คุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์จำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งสาเหตุที่ลูกหนี้ไม่ผ่านคุณสมบัติ เพราะเป็นหนี้กับกลุ่ม non-bank ซึ่งไม่ตรงกับเงื่อนไข และบางรายไม่ได้เป็นหนี้เสีย แต่ต้องการจะรีไฟแนนซ์ เพื่อรวบหนี้เป็นก้อนเดียวจากที่มีหนี้บัตรเครดิตหลายใบ
หลังพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้นแล้ว จะมีผู้ผ่านเกณฑ์ประมาณร้อยละ 20 ขั้นตอนต่อไปต้องพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ คาดว่าจะมีผู้ได้รับอนุมัติประมาณร้อยละ 15 เท่านั้น หรือคิดเป็นจำนวนลูกหนี้หลักหมื่นคน จากจำนวนลูกหนี้หลายแสนคนที่ติดต่อขอเข้าร่วมโครงการ
อย่างไรก็ตาม ธปท.ได้แก้กฏหมายให้ บสส. สามารถแก้ปัญหาหนี้ของนอนแบงก์ได้ คาดว่าน่าจะมีผลภายในปีนี้
สำหรับลูกหนี้ที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการ แต่มีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาหนี้ สามารถติดต่อกับสมาคมนักวางแผนการเงินไทยเพื่อขอคำแนะนำและความรู้ทางการเงิน ส่วนคนที่ผ่อนชำระหนี้บัตรเครติดขั้นต่ำ แนะนำเข้าเจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อแสดงเจตจำนงค์ว่าต้องการแก้ปัญหาหนี้ ซึ่งสถาบันการเงินพร้อมให้การช่วยเหลือเพื่อไม่ให้เป็นเอ็นพีแอลในอนาคต
ด้านนายนิยต มาศะวิสุทธิ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ SAM เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้สนใจยื่นใบสมัครผ่านมาเว็ปไซต์ ที่ www.คลินิกแก้หนี้.com, www.debtclinicbysam.com ประมาณ 10,000 คนต่อวัน และมีผู้เข้ามาสอบถามที่คลินิกแก้หนี้ประมาณ 1,000 คนต่อวัน แต่หลังจากเจ้าหน้าที่พิจารณาคุณสมบัติมีผู้ผ่านเกณฑ์ประมาณร้อยละ 20 โดยเจ้าหน้าที่ต้องพิจารณาเรื่องความสามารถในการชำระหนี้จากฐานรายได้ และต้องมีเงินเหลือเพื่อใช้จ่ายในครอบครัวร้อยละ 50 หลังจากหักการชำระหนี้แล้ว
ทั้งนี้ หากในอนาคตผู้เข้าร่วมโครงการมีความจำเป็นในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ค่ารักษาพยาบาล จนทำให้ต้องมีการผิดนัดชำระหนี้ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คลินิกแก้หนี้เพื่อชี้แจงผลทันที อย่าปล่อยให้เป็นหนี้เสีย เพราะจะผิดหลักเกณฑ์ทันที โดยจะได้รับการผ่อนปรนดอกเบี้ย
สำหรับผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับอัตราดอกเบี้ยแบบผ่อนผัน ร้อยละ 4-7 ต่อปี ตามระดับรายได้ นานสูงสุด 10 ปี โดยมีเกณฑ์พิจารณาดังนี้ เป็นบุคคลธรรมดามีเงินเดือนประจำ อายุไม่เกิน 65 ปี เป็นหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล บัตรกดเงินสด กับธนาคารตั้งแต่ 2 แห่งขึ้นไป ค้างจ่ายนาน 3 ปี หรือเป็นหนี้เสียก่อนวันที่ 1 พ.ค.2560 และไม่อยู่ระหว่างการถูกฟ้องดำเนินคดี ซึ่งผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการต้องไม่ก่อหนี้เพิ่มในช่วง 5 ปี