วันนี้ (18 มิ.ย.2560) พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า ระหว่างคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เดินทางมารับฟังความเห็นเพื่อพิจารณาปรับปรุงกฎหมายคณะสงฆ์ในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ พศ.จะเสนอต่อกรรมาธิการฯ ให้พิจารณาปรับแก้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ปี 2505 เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพย์สินภายในวัดกว่า 40,000 แห่งทั่วประเทศเป็นไปอย่างโปร่งใส และตรวจสอบได้
ทั้งนี้ จะยึด 3 หลักการสำคัญ คือการให้มีระบบบัญชี, การตรวจสอบควบคุมและรายงาน และการเปิดเผยบัญชีรายรับ รายจ่ายของวัด เพราะกติกาในปัจจุบัน ทั้ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์, กฎกระทรวง หรือแม้แต่ประกาศ พศ.และมติมหาเถรสมาคม กำหนดเพียงกรอบกว้างๆ หากไม่มีการแก้ปัญหา และปล่อยให้เกิดกรณีเช่นเดียวกับวัดวังตะวันตก จ.นครศรีธรรมราช และการทุจริตเงินอุดหนุนวัดซ้ำอีก จะส่งผลกระทบต่อความศรัทธาของประชาชน
ส่วนมหาเถรสมาคม (มส.) ในฐานะผู้ปกครองสงฆ์สูงสุดจะเห็นด้วยกับการแก้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์หรือไม่ ผู้อำนวยการ พศ.ระบุว่า ไม่สามารถระบุได้ และเรื่องนี้ พศ.ไม่สามารถเสนอเข้าสู่ที่ประชุม มส. เพราะเป็นเพียงฝ่ายเลขา เป็นเรื่องที่กรรมการ มส.จะพิจารณาเอง
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมาธิการด้านศาสนาของ สนช. ซึ่งมี พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ เป็นประธาน ได้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการฯ เพื่อศึกษาและพิจารณากฎหมายด้านพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะขึ้น โดยมี พล.อ.อ.อาคม กาญจนหิรัญ เป็นประธาน
โดยคณะอนุกรรมาธิการฯ เตรียมจะเข้าหารือกับ พศ.ก่อนที่จะเข้านมัสการมหาเถรสมาคม ซึ่ง พล.อ.อ.อาคม ระบุว่า หลังรับฟังความเห็นจะมีการสรุปข้อมูลทั้งหมดภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อเสนอต่อที่ประชุมกรรมาธิการฯ โดยไม่ยืนยันว่าจะมีการปรับแก้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์หรือไม่
ส่วนคดีทุจริตเงินอุดหนุนวัด ขณะนี้ ปปป.ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด 10 คน ในจำนวนนี้ 4 คน เป็นอดีต และเจ้าหน้าที่ พศ.ปัจจุบัน พลเรือน 5 คน และพระสงฆ์ 1 รูป จากการร่วมกันทุจริตงบประมาณอุดหนุนวัด 12 แห่ง ตั้งแต่ปี 2556 - 2559
สำหรับเจ้าหน้าที่ พศ.ถูกดำเนินคดี ฐานความผิดเจ้าพนักงานประพฤติปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ และข้อหาเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน
ส่วนพลเรือนและพระสงฆ์ถูกดำเนินคดีเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด