วันนี้ (21 มิ.ย.2560) พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ยังคงย้ำจุดยืนของ พศ.ว่าต้องแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ปี 2505 เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดเป็นไปอย่างโปร่งใส แม้จะยอมรับว่าการหารือร่วมกับคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะยังไม่ได้หารือถึงรายละเอียดในการปรับแก้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์
พ.ต.ท.พงศ์พร ย้ำว่า ปัจจุบันเจ้าอาวาสวัดและไวยาวัจกรวัด จะมีอำนาจดูแลทรัพย์สินวัดเพียงผู้เดียว ทำให้เกิดการทุจริตเงินอุดหนุนวัด เช่นเดียวกับกรณีทุจริตเงินอุดหนุนวัดทั้ง 12 แห่ง รวมทั้งการทุจริตเงินภายในวัดวังตะวันตก จังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดขึ้นซ้ำอีก
แม้จะเชื่อว่าการแก้กฎหมายฉบับนี้ จะทำให้วัดจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างเป็นระบบ ควบคุมและรายงานทรัพย์สินของวัด และสามารถเปิดเผยข้อมูลทรัพย์สินของวัดได้ทั้งหมด แต่การจะแก้ไขกฎหมายฉบับนี้หรือไม่ ต้องให้มหาเถรสมาคมในฐานะผู้ปกครองสงฆ์สูงสุดพิจารณาก่อน
ขณะที่ พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ ประธานคณะกรรมาธิการด้านศาสนาฯ สนช. ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงการฟังปัญหาที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ทั้งหมด ก่อนสรุปข้อมูลให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อเสนอต่อที่ประชุมกรรมาธิการฯ โดยยอมรับว่าคณะกรรมาธิการศาสนารับรู้ปัญหาการทุจริตเงินอุดหนุนวัด แต่การเสนอแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ต้องเป็นอำนาจหน้าที่ฝ่ายบริหารและ มส.เป็นผู้ดำเนินการ สนช.ไม่สามารถชี้นำ พศ.หรือ มส.ได้
ความคืบหน้าคดีทุจริตเงินอุดหนุนวัด 12 แห่ง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่า คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงที่ พศ.ตั้งขึ้น ได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยให้รายงานผลความคืบหน้าทุก 15 วัน
สำหรับกรณีที่มีการระบุว่าผู้ที่มีรายชื่อตามสำนวนของ ปปป. ยังคงมาทำงานอยู่นั้น ชี้แจงว่า น.ส.ประนอม คงพิกุล รองผู้อำนวยการ พศ. กลับมาทำงานตามปกติแล้ว หลังจากลาพักร้อนไป แต่ยังไม่ได้ไปรายงานตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหากับ ปปป. และที่ยังไม่สามารถพักราชการได้ เนื่องจากต้องรอการชี้มูลอย่างเป็นทางการก่อน
ส่วนที่มีการเปิดเผยอักษรย่อวัดในกรุงเทพมหานคร ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินอุดหนุนวัดนั้น จากการสอบถามไปยัง ปปป.ได้รับการยืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่ได้มาจาก ปปป. ทราบเพียงว่ามีการเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์เท่านั้น
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตรวจสอบเพื่อแก้ปัญหาทุจริตการจัดสรรเงินอุดหนุนวัดว่า เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนหากพบว่ากระทำความผิดก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยไม่ต้องใช้อำนาจตามมาตรา 44 มาจัดการเรื่องนี้ เพราะกฎหมายเดิมมีอยู่แล้ว เพียงแต่ทุกฝ่ายต้องบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างจริงจัง