วันนี้ (2 ส.ค.2560) นายสุริยะใส กตะศิลา อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยภายหลังจากศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ว่า ยอมรับว่ากังวลกับผลที่จะเกิดขึ้น เพราะเชื่อมั่นว่าคำพิพากษาที่ยกฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คนในครั้งนี้จะกลายเป็นบรรทัดฐานของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติเพื่อดูแลการชุมนุมที่อาจใช้ความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการสรุปว่าการชุมนุมครั้งนี้เป็นการชุมนุมโดยไม่สงบ โดยเบื้องต้น เชื่อว่ายังมีประเด็นที่จะพิจารณาเพื่อยื่นอุทธรณ์ได้อย่างน้อย 3 ประเด็น ประกอบไปด้วย เจตนาของเจ้าหน้าที่ที่จะใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุม, การใช้ปืนยิงแก๊สน้ำตาที่ไม่เป็นไปตามหลักสากล ซึ่งปรากฏคลิปเหตุการณ์ชัดเจน และสุดท้ายคือคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่ชี้ก่อนหน้านี้ว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นไปโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ
นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่า ป.ป.ช.ในฐานะโจทก์คดีนี้สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ตามสิทธิ์ที่รัฐธรรมนูญปี 2560 รองรับไว้ แม้จะยังไม่มีการประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงดำแหน่งทางการเมือง ซึ่งในกรณีนี้ต้องดูว่าฝ่ายโจทก์จะใช้เหตุผลอย่างไร เพื่ออ้างสิทธิในการคุ้มครองบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 25 วรรคสอง เป็นเหตุในการยื่นอุทธรณ์ต่อศาล ซึ่งต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ที่สิทธิในการอุทธรณ์คดีเป็นของฝ่ายจำเลยเท่านั้น ส่วนการพิจารณาว่าจะรับอุทธรณ์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา แต่เบื้องต้นต้องดูว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะมีเหตุในการยื่นอุทธรณ์หรือไม่ และจะยื่นอุทธรณ์ก่อนหรือหลังประกาศใช้ร่างกฎหมายลูกฉบับใหม่
มีรายงานว่า การประชุม ป.ป.ช.วันพรุ่งนี้ นายสุรพงษ์ อินทรถาวร ผู้อำนวยการสำนักคดี จะรายงานผลการพิพากษาวันนี้ต่อที่ประชุมใหญ่ เพื่อพิจารณาว่าจะยื่นอุทธรณ์คดีหรือไม่