วันนี้ (20 ส.ค.2560) เจ้าหน้าที่ใช้เรือลาดตะเวนเส้นทางน้ำ ตลอดแนวลำน้ำใน ต.ปุโล๊ะปุโย ที่เชื่อมต่อ ต.ลิปะสะโง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อค้นหาจุดที่คาดว่าจะถูกใช้ในการขนย้ายวัตถุระเบิดมาซุกซ่อนในพื้นที่ ก่อนนำมาประกอบในรถยนต์จำนวน 7 คัน ที่ปล้นมาจาก อ.ยะรัง จ.ปัตตานี และจากเต้นท์รถมือสอง ใน อ.นาทวี จ.สงขลา หลังจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 1 คน ซึ่งรับสารภาพว่า ได้มีการขนย้ายวัตถุระเบิดทางเรือ เพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ในเส้นทางปกติ
ขณะที่ ทหารหน่วยเฉพาะกิจจังหวัดปัตตานี ได้กระจายกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ 3 จุดใน 2 ตำบลของอำเภอหนองจิก เพื่อกดดันกลุ่มแนวร่วม ที่อาจใช้พื้นที่บริเวณนี้ในการเคลื่อนไหว รวมถึงการเข้าตรวจสอบเป้าหมายใน ต.ตะลุโบ๊ะ อ.เมือง และได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัยบางคนมาสอบปากคำ ซึ่งจากตรวจสอบพยานหลักฐานที่ยึดได้ในบ้านของผู้ต้องสงสัย พบภาพของกลุ่มก่อเหตุและข่าวสารของเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเครือข่ายปล้นรถภายในโทรศัพท์ของผู้ต้องสงสัยจึงได้ยึดไว้ตรวจสอบ
พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ขณะนี้ทราบตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้วโดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มของนายบูคอลี หลำโซ๊ะ กลุ่มนายมะนาเซ ไซดี และนายมาหะมะ สะอิ ซึ่งผลการตรวจสอบดีเอ็นเอในรถยนต์กระบะที่นำมาจอดทิ้งไว้ในสวนยางพาราที่บ้านแม่กัง ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี พบว่า ตรงกับดีเอ็นเอของนายรอซารี หลำโซ๊ะ ซึ่งเป็นน้องชายของนายบูคอรี หลำโซ๊ะ ขณะที่ ผลการตรวจดีเอ็นเอที่เกิดเหตุระเบิดหน้าสถานีตำรวจภูธรมายอ จ.ปัตตานี พบว่าเป็นของนายมาหามะ สะอิ
พล.ต.จตุพร กล่าวว่า กลุ่มก่อเหตุรุนแรงครั้งนี้เป็นเครือข่ายแนวร่วมเดิมที่ยังเคลื่อนไหวในพื้นที่ และเชื่อยังมีระเบิดบางส่วนที่ไม่สามารถนำมาใช้ในปฎิบัติการปล้นรถครั้งที่ผ่านมาอยู่ในพื้นที่ จึงขอความร่วมมือจากประชาชนให้ช่วยแจ้งเบาะแสหากพบวัตถุต้องสงสัย
ขณะที่ การรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่อย่างรัดกุม ทั้งพยานบุคคลที่สอบสวนไปแล้วเกือบ 20 ปาก และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่ง พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 กล่าวว่า เตรียมขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาชุดแรกได้อย่างน้อย 4 คน จากจำนวนผู้ร่วมก่อเหตุไม่ต่ำกว่า 20 คน ซึ่งเป็นแนวร่วมในอำเภอนาทวี 7 คน ที่เหลือเป็นแนวร่วมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในวันพรุ่งนี้ (21 ส.ค.) โดยแบ่งหน้าที่ทำงานอย่างชัดเจน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานเพียงพอ
ขณะที่ ญาติและครอบครัวนายนูร์ฮาซัน อาแว ซึ่งถูกวิสามัญฆาตกรรมขณะขับรถยนต์ที่ปล้นมาบรรทุกระเบิด ฝ่าด่านตรวจเกาะหม้อแกง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ร่วมทำบุญก่อนจะขอดุอาร์ให้แก่ผู้ตาย
นายมารูดิง อาแว บิดาของผู้เสียชีวิต บอกว่า ไม่เคยทราบมาก่อนว่าลูกชายเข้าร่วมขบวนการ ซึ่งที่ผ่านมาลูกชายเป็นเด็กดีมาโดยตลอดในสายตาของพ่อแม่ และเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นบทเรียนสำคัญให้คนในครอบครัวอื่นๆ ที่ต้องดูแลบุตรหลานไม่หลงผิด