"พล.อ.ประวิตร"ปฎิเสธข่าวตำรวจช่วยสำนวนคดี "บอส อยู่วิทยา"

วันนี้ (4 ก.ย.2560) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ช่วยเหลือในชั้นสำนวนคดีของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ผู้ต้องหาคดีขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจจนเสียชีวิต ว่า ยังไม่รู้เรื่องเลย ไม่มี และขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

เมื่อถามว่าสำนวนคดีนี้หมดอายุความในส่วนของข้อหาชนและไม่ลงไปช่วยเหลือ ในส่วนนี้ต้องมีคนรับผิดชอบหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เขาทำตามกฎหมาย กฎหมายว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น ต่อข้อถามถึงกระแสข่าวว่ามีการเลื่อยขาเก้าอี้ ผบ.ตร.ให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.มารักษาการแทน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นข่าวลือ

ยื่นป.ป.ช.เอาผิดกับเจ้าหน้าที่ปล่อยให้ผู้ต้องหาหลบหนี

ขณะที่ความล่าช้าในการติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีนี้ จนคดีหมดอายุความ 1 คดี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.เพื่อสอบ สวนดำเนินคดีเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ฐานละเว้นการปฏฺบัติหน้าที่ ปล่อยให้ผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศ

นายศรีสุวรรณ บอกว่า จะไปยื่นเรื่องร้องเรียน ต่อป.ป.ช. เพื่อสอบสวนดำเนินคดีเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่พนักงานสอบสวนไปจนถึง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฐานละเว้นการปฏฺบัติหน้าที่ ปล่อยให้ผู้ต้องหาคดีอาญาหลบหนีออกนอกประเทศ ซึ่งเข้าเข่ายการทุจริตต่อหน้าที่ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542

 ด้านนายพรอนันต์ กลั่นประเสริฐ พี่ชาย ด.ต.วิเชียร เปิดเผยหลังทราบว่า ข้อหาไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือหมดอายุความลง โดยระบุว่า รู้สึกเสียใจที่เจ้าหน้าที่ ไม่เร่งรัดจับกุมผู้กระทำความผิด ซึ่งส่วนตัวจะไปเรียกร้องเจ้าหน้าที่ ให้เร่งดำเนินการก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากไม่รู้ระเบียบ และขั้นตอนกฎหมาย จึงอยากขอความเป็นธรรม ให้น้องชายที่เสียชีวิตไปเกือบ 5 ปีแล้ว แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้า จนไม่สามารถเอาผิดผู้ก่อเหตุได้

 

 

ตำรวจยอมรับยังไม่สามารถติดตามตัว "บอส"

ขณะที่พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดตามตัว นายวรยุทธ ผู้ต้องหาขับรถชนด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อปี 2555 มารับทราบข้อหา

ทั้งนี้รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันว่า คดีนี้ตำรวจดำเนินการทุกช่องทาง เพื่อติดตามตัว ซึ่งตำรวจกองการต่างประเทศ หรือตำรวจสากลไทย ได้ออกหมายจับแดง ไปยัง 190 ประเทศ เพื่อติดตามตัวนายวรยุทธแล้ว แต่ยังไม่มีประเทศใดตอบกลับมา

 ร.ท.สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงาน อัยการสูงสุด เปิดเผยว่า แม้ข้อหาดัง ชนแล้วหนีจะหมดอายุความ ก็ไม่กระทบกับ การดำเนินกระบวนการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน ของนายวรยุทธ เพราะยังเหลือข้อหา ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุ ให้ผู้อื่น ถึงแก่ความตายที่อัตราโทษหนัก และจะสิ้นสุดอายุความในปี 2570 ส่วนรายละเอียดและความคืบหน้า การขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น เรื่องนี้ เป็นภารกิจของสำนักงานอัยการ สำนักต่างประเทศโดยการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน จะต้องรู้และแจ้งพิกัดที่อยู่ในต่างประเทศ ให้ชัดเจน

สำหรับตัวนายวรยุทธ ล่าสุดสำนักข่าวเอพีรายงานว่าหลบหนีอยู่ในใต้หวันโดยพบเห็นนายวิทยา พักในโรงแรม "แมนดาริน โอเรนเทล" กรุงไทเป ของเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนจะเงียบหายไป

ทั้งนี้นายวรยุทธอยู่วิทยา ถูกแจ้งข้อหาทั้งหมด 4 ข้อหา แต่หมดอายุความแล้ว 3 ข้อหา คือ ข้อหาเมาแล้วขับ ข้อหาขับรถเร็วเกินกำหนด ข้อหาไม่หยุดรถและให้การช่วยเหลือ ที่เพิ่งหมดอายุความไปเมื่อวานนี้ ส่วนอีก 1 ข้อหาที่ยังไม่หมดอายุความ คือ ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งจะหมดอายุความในปี 2570 หรือ 10 ปี ข้างหน้า