วันนี้ (22 ก.ย.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไทยพีบีเอสไล่เรียงเส้นทางที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้หลบหนีอีกครั้ง ซึ่งจะเห็นว่าวางแผนป้องกันการสกัดจับมาอย่างดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ สลับสับเปลี่ยนรถถึง 3 ครั้ง ตั้งแต่เช้าวันที่ 23 สิงหาคม 2560 จนถึงช่วงที่ออกไปทางด่านชายแดนด้าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยจะขอย้อนพาไปดูเหตุการณ์ที่เกิดอะไรขึ้นก่อนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะหลบหนีไป
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปทำบุญที่วัดระฆังช่วงเช้า น่าสังเกตตรงที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนอย่าตามไปทำข่าว แต่ส่งคลิปมาให้เอง จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปที่โรงแรมเอสซีปาร์คไปพบกับคนใกล้ชิดอีก 14 คน ที่มีภาพวงจรปิดจับไว้ได้ ตรงนี้ยังใช้รถตู้โฟล์คที่เธอนั่งประจำ จาก เอสซีปาร์ค เดินทางกลับบ้านที่ซอยโยธินพัฒนาที่ 3 ยังใช้รถตู้โฟล์ค แต่เมื่อออกจากบ้านเธอเปลี่ยนรถ
ตำรวจตรวจสอบรถที่ผ่านเข้าออกบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ช่วงค่ำวันที่ 23 สิงหาคม มีรถต้องสงสัย 30 คัน หนึ่งในนั้นมีรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ของ พินทองทา ชินวัตร หลานสาวรวมอยู่ด้วย แต่สุดท้ายเชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้เบนซ์ออกมาจากบ้าน พร้อมกับเลขาฯ ส่วนตัว มีรายงานว่าเธอสวมหมวกและหน้ากากอนามัยปิดบัง
รายงานจากการสอบสวน ระบุว่า รถเบนซ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มุ่งหน้าไปที่้บ้านพักของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ในหมู่บ้านชัยพฤกษ์ เพื่อไปขึ้นรถโตโยต้า แคมรี่ มี พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ เป็นคนขับแคมรี่มุ่งไปที่ชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีด่านความมั่นคงจับภาพรถแคมรี่ไว้ได้ แต่รถคันนี้ไม่ได้พาข้ามแดน มีรถกระบะปริศนาอีกคันหนึ่งมารับ
ตรงนี้สอดคล้องกับที่ไทยพีบีเอสได้ข้อมูลมาว่ามีวิทยุสื่อสารแจ้งเจ้าหน้าที่บริเวณชายแดนเปิดทางให้ วีไอพี ออกได้ โดยไม่ต้องตรวจสอบ ทำให้เธอข้ามแดนได้สำเร็จ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าข้ามแดนด้วยการลงเดินหรือนั่งรถ ส่วน พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ขับรถแคมรี่กลับมากรุงเทพฯ ให้ ด.ต.พรพิพัฒน์ นำไปซ่อนใน จ.นครปฐม ซึ่งชัดเจนว่านายตำรวจ 3 นาย ช่วยหลบหนี แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ระบุว่า เบื้องหลังมีมากกว่านั้น
พล.อ.ประวิตร ยอมรับว่ามีใบสั่ง แต่ไม่บอกว่าใคร ผู้สื่อข่าวจึงถามแบบตรงๆ ว่ามีอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาลช่วยด้วยหรือไม่ แต่ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ไม่รู้ ขอให้เขาสอบให้ละเอียดอีกหน่อย