วันนี้ (23 พ.ย.2560) ตำรวจควบคุมตัว นายสับ วาปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ศาลจังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นจุดที่นายสับ นำเงิน 170,000 บาท จากนายสุริยา นวลเจริญ หรือ ครูอ๋อง ไปจ่ายให้กับญาติผู้เสียชีวิต เมื่อปี 2557 เนื่องจากขณะนั้นยอมรับเป็นคนขับรถชนคนเสียชีวิตตัวจริง
สำหรับนางจันทร์ วาปี ภรรยานายสับ ,นายเลิศ วาปี และนายบุญเทิง วาปี ผู้ถูกกล่าวหาคดีแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน เดินทางเข้าให้ปากคำกับตำรวจ ส่วนใหญ่อ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็น เพียงแต่ไปเป็นพยานในการมอบเงินให้กับญาติผู้เสียชีวิตเท่านั้น
ขบวนการปั้นแพะ - หวังเงินและผลประโยชน์
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตั้งชุดสืบสวนขึ้นมา 7 ชุดใน 7 กลุ่มคดีคือ แจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวน 3 คดี เบิกความเท็จในชั้นไต่สวน และชั้นศาล 2 คดี ความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร และคดีหมิ่นประมาท ซึ่งทีมสืบสวนจะเร่งสอบปากคำพยาน และรวบรวมหลักฐาน หากพบว่ามีใครเกี่ยวข้องในขั้นตอนใดก็จะแจ้งความดำเนินคดีทันที
“คดีนี้เป็นขบวนการปั้นแพะขึ้นมา เพื่อไปช่วยเหลือครูแกะให้เป็นผู้บริสุทธิ์ ทั้งๆ ที่ผลทราบดีอยู่แล้วว่า ผู้กระทำผิดที่แท้จริงนั้นเป็นใคร ที่สำคัญคือการช่วยเหลือกันมีขบวนการนี้ขึ้นมานั้น เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์เป็นหลัก โดยกระทำกันเพื่อหวังเงินและผลประโยชน์จาการปั้นพยานหลักฐานรื้อฟื้นคดีนี้ขึ้นมา” พล.ต.อ.วิระชัย กล่าว
พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ระบุว่า หากผลการสืบสวนสอบสวน พบว่ามีใครเกี่ยวข้องแม้จะเป็นหน่วยงานรัฐ หรือเจ้าหน้าที่รัฐก็จะต้องถูกดำเนินคดี แต่ยืนยันไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานรัฐ เพราะเรื่องการยื่นรื้อฟื้นคดีเป็นหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมที่จะช่วยเหลือฝ่ายผู้ร้อง ส่วนตำรวจก็ทำหน้าที่สืบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่โดยส่วนตัวแล้วสงสารนางจอมทรัพย์ที่อาจจะหลงเชื่อผู้แนะนำจนนำไปสู่การยื่นเรื่องขอรื้อฟื้นคดี