เวลา 11.00 น. วันนี้ (15 ธ.ค.2560) พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร ในฐานะประธานกรรมการสอบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีนักเรียนเตรียมทหาร ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ "เมย" เสียชีวิต เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาล โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ
พล.อ.อ.ชวรัตน์ แถลงข้อสรุปผลการสอบสวนรวม 5 หน้ากระดาษ เป็นการสรุปเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง 2 เหตุการณ์ คือเหตุการณ์วันเสียชีวิตในวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยได้ไล่เรียงเวลาตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงเวลาที่นายภคพงศ์ เสียชีวิต โดยในวันที่เสียชีวิต นายภคพงศ์ มีอาการเจ็บหน้าอก เกร็ง ชา หายใจแรงถี่ แพทย์ จึงได้ให้นำตัวเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงได้ทำการซีพีอาร์ พร้อมแจ้งครอบครัวของนายภคพงศ์ โดยระหว่างนั้น ทางครอบครัวได้มีการร้องขอให้ทำซีพีอาร์เป็นเวลานานถึง 4 ชั่วโมงและใช้เจ้าหน้าที่หมุนเวียนถึง 20 คน ก่อนที่แพทย์จะลงความเห็นว่าเสียชีวิต
และเหตุการณ์ในวันที่ 10 ต.ค.ที่ตกบันได 8 ขั้น ความสูง 1.5 เมตร โดยเหตุการณ์นี้มีครูพละ และเพื่อนได้เข้าช่วยเหลือ และพบว่าเขานอนตะแคงและมือกุมหน้าอก เขาบอกว่าจุกที่หน้าอก แพทย์ตรวจรักษและนำส่งรพ.นายร้อยพระจุลจอมเกล้า ตรวจสอบอาการบาดเจ็บ มีการเอกซเรย์และไม่พบอาการบาดเจ็บ นอกจากนี้ได้ทราบจากสื่อว่าทางครอบครัวพาไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนซ้ำ
โดยยืนยันว่า จากพยานและกล้องวงจรปิด ทั้ง 2 เหตุการณ์ ไม่พบผู้หนึ่งผู้ใดสั่ง หรือ ทำร้ายร่างกาย ประกอบกับผลตรวจพบเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจมีขนาดผิดปกติ แพทย์จึงสรุปการเสียชีวิตเกิดจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ส่วนซี่โครงหัก เนื่องจากการทำซีพีอาร์ ตลอด 4 ชั่วโมง ทั้งนี้เตรียมโดยจะเชิญญาติมารับทราบผลการสอบสวนในวันที่ 18 ธ.ค.นี้อีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าสาเหตุเสียชีวิตมาจากการเป็นโรคหัวใจหรือไม่ พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ถ้าพบในตอนแรกก่อนที่จะเข้ามาเรียนเตรีมทหาร จะไม่ได้เข้าเรียน และถ้าตรวจเจอในระหว่างเรียนก็จะพ้นจากการเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ซึ่งยอมรับว่า บางครั้งนักกีฬาที่เสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ก็มีโอกาสเสียชีวิต และไม่ได้ตรวจเจอตั้งแต่ทีแรก
สำหรับคณะกรรมการฯที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแต่งตั้งขึ้น เป็นคณะกรรมการ ที่ตั้งขึ้นภายหลังจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตรวจสอบและชี้แจงทำความเข้าใจต่อสังคม
ก่อนหน้านี้ประธานคณะกรรมการฯ ได้ย้ำแนวทางการสอบสวนว่า ไม่ได้มีหน้าที่หาสาเหตุการเสียชีวิตโดยตรง เพราะเป็นหน้าที่ของแพทย์ และถือเป็นปลายเหตุ ส่วนขอบเขตหน้าที่ของคณะกรรมการฯ คือการตรวจสอบว่า มีบุคคลใดเกี่ยวข้องหรือกระทำต่อนายภคพงศ์ในช่วงเวลาต่างๆ และในการสอบสวนครั้งนี้ไม่มีการเชิญเจ้าหน้าที่ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม รวมทั้งไม่ได้พูดคุยกับทางครอบครัวของนักเรียนเตรียมทหารภคพงศ์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
เปิดภาพจากกล้องวงจรปิดก่อน "ภคพงศ์" เสียชีวิต
"พล.อ.อ.ชวรัตน์" เร่งลงพื้นที่ รร.เตรียมทหาร สอบข้อเท็จจริงกรณี "ภคพงศ์" เสียชีวิต
ผลสอบ "เมย" เสียชีวิต ถึงมือ ผบ.ทสส.แล้ว