วันนี้ (11 เม.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เตือนถึงอันตรายในการใช้รถใช้ถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีการเดินทางหนาแน่น โดยระบุถึงรายงานตัวเลขจำนวนผู้เสียชีวิตบนท้องถนนไทย ขององค์การอนามัยโลก พบว่า ประเทศไทยมีอัตราส่วนผู้เสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก หรือเท่ากับ 36.2 คนต่อประชากร 1 แสนคน
ขณะที่สถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในปี 2560 เป็นสถิติอุบัติเหตุสูงที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าสงกรานต์ปีนี้ ประเทศไทยอาจมีแนวโน้มการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มสูงขึ้นหากผู้ขับขี่ยังประมาทในการขับขี่สัญจร ซึ่งสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุมักเกิดจากพฤติกรรมการขับขี่ที่ผิดหลักจราจร ทั้งการขับขี่โดยประมาท การใช้ความเร็วสูงเกินกำหนด การเปลี่ยนช่องทางเดินรถฉับพลัน รวมถึงการเร่งความเร็วผ่านจุดที่มีความหนาแน่นของการจราจรเบาบาง เพื่อทดเวลาที่สูญเสียไปในจุดที่มีการจราจรหนาแน่น
ด้านนายแพทย์ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน เปิดเผยว่า อุบัติเหตุจากอันตรายข้างทางที่เกิดบนทางหลวง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30-50 และสัดส่วนการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 ของการเสียชีวิตทั้งหมด โดยต้นไม้ใหญ่ข้างทางถือเป็นวัตถุอันตรายที่ถูกชนมากที่สุด รองลงมาคือ เสาไฟส่องสว่างข้างทาง และการพุ่งตกร่องน้ำหรือคูระบายน้ำข้างทาง
นอกจากนี้ยังพบอีกว่า ช่วงบริเวณสะพานถือเป็นจุดที่มีความเสี่ยงสูงสุด ซึ่งเมื่อเกิดอุบัติเหตุอันตรายข้างทางแล้วมีโอกาสเสียชีวิตสูงถึง 100% จึงขอแนะนำให้เจ้าหน้าที่ทำป้ายเตือนชะลอความเร็วตรงในจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
ด้านนายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักทางหลวงและแขวงทางหลวงในพื้นที่ ติดตั้งป้ายเตือน ง่วงหยุดพัก และตั้งจุดบริการประชาชนเพิ่มเติม โดยจากสถิติของสำนักอำนวยความปลอดภัยกรมทางหลวงพบว่า ทางหลวงจำนวน 8 สายทางที่มีสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุมาจากผู้ขับขี่หลับใน ได้แก่
1.ทางหลวงหมายเลข 1 ตอน พาน – สันทรายหลวง ระหว่าง กิโลเมตรที่ 916 – 922 ระยะทางประมาณ 6 กม. พื้นที่จังหวัดเชียงราย
2.ทางหลวงหมายเลข 323 ตอนแยกปากกิเลน – น้ำตกไทรโยคใหญ่ ระหว่างกิโลเมตรที่ 110 – 115 ระยะทางประมาณ 5 กม.พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี
3.ทางหลวงหมายเลข 1 ตอน วังม่วง – แม่เชียงรายบน ระหว่างกิโลเมตรที่ 535 – 540 ระยะทางประมาณ 5 กม. พื้นที่จังหวัดตาก
4.ทางหลวงหมายเลข 4 ตอน น้ำรอด – พ่อตาหินช้าง ระหว่างกิโลเมตรที่ 415 – 425 ระยะทางประมาณ 10 กม. พื้นที่จังหวัดชุมพร
5.ทางหลวงหมายเลข 224 ตอน พะโค – หนองสนวน ระหว่างกิโลเมตรที่ 90 – 95 ระยะทางประมาณ 5 กม. พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
6.ทางหลวงหมายเลข 402 ตอน หมากปรก – เมืองภูเก็ต ระหว่างกิโลเมตรที่ 30 – 35 ระยะทางประมาณ 5 กม. พื้นที่จังหวัดภูเก็ต
7.ทางหลวงหมายเลข 4 ตอน ปากท่อ – สระพัง ระหว่างกิโลเมตรที่123 – 133 ระยะทางประมาณ 10 กม.ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม
8.ทางหลวงหมายเลข 35 ตอน สะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน – นาโคก ระหว่างกิโลเมตรที่ 40 – 45 ระยะทางประมาณ 5 กม. ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งเพราะผู้ขับขี่มีโอกาสหลับในสูง เนื่องจากเป็นทางตรงระยะยาว กรมทางหลวงแนะนำให้พักที่จุดบริการต่างๆ เพื่อลดการเกิดอุบัตเหตุ