วันนี้ (12 มิ.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองกลางได้อ่านคําพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดําที่ อส.77/2559 หมายเลขแดงที่ อส.4/2561 ซึ่งนายโคอิ หรือ คออี้ มีมิ กับพวก รวม 6 คน ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กับพวกรวม 2 คนขอให้ชดใช้ค่าเสียหายจากกรณีพนักงานเจ้าหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 รื้อถอนเผาทําลายสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินของผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
ศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำสั่งแก้พิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น โดยให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติม ให้แก่ นายโคอิ หรือปู่คออี้ มีมิ กับพวกรวม 6 คน ชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กรณีพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ เข้ารื้อถอนเผาทำลายทรัพย์สินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้อยู่อาศัยของนายโคอิ กับพวก
ศาลปกครองสูงสุด ระบุว่า การใช้อำนาจตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ในกรณีดังกล่าว แม้จะเป็นมาตรการหรือวิธีการที่มีผลทำให้การป้องกันและปราบปรามการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติ แต่บทบัญญัติดังกล่าวไม่ได้ให้อำนาจดุลพินิจแก่เจ้าหน้าที่ในการจะเลือกใช้มาตรการบังคับทางปกครองตามอำเภอใจหรือโดยพลการ
การเผาทำลายสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินจึงทำให้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 ต้องสูญเสียปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ถือเป็นพฤติการณ์ที่มีความร้ายแรงกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิในการดำรงชีวิตและสิทธิในทรัพย์สิน อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
สำหรับค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 เป็นเงิน 51,407 บาท ผู้ฟ้องคดีที่ 2 เป็นเงิน 51,032 บาท ผู้ฟ้องคดีที่ 3 เป็นเงิน 51,407 บาท ผู้ฟ้องคดีที่ 4 เป็นเงิน 45,302 บาท ผู้ฟ้องคดีที่ 5 เป็นเงิน 50,807 บาท และผู้ฟ้องคดีที่ 6 เป็นเงิน 51,032 บาท หากผู้ฟ้องคดีรายใดได้รับค่าสินไหมทดแทนสําหรับสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินกรณีนี้ไปแล้ว ให้หักออกจากค่าสินไหมทดแทนตามคําพิพากษานี้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคําพิพากษา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น