วันนี้ (25 ก.ค.2561) พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธานในการมอบประกาศเกียรติคุณเพื่อแสดงความชื่นชมให้กับตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และเจ้าหน้าที่ในปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยถ้ำหลวง 13 ชีวิตหมูป่าอะคาเดมี จ.เชียงราย จำนวน 1,249 คน
พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวภายหลังการเดินเข้าสำรวจบริเวณถ้ำหลวงโถงที่ 1 หลังจากปิดพื้นที่โดยมีประตูเหล็กกันพื้นที่เขตหวงห้ามตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมประชุมแผนฟื้นฟูถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้นำเสนอแผนฟื้นฟูถ้ำหลวงแล้ว 4 แผน เบื้องต้นขอให้คงเอกลักษณ์สภาพพื้นที่ ประชาชนท้องถิ่นต้องมีรายได้และมีส่วนร่วมกับการท่องเที่ยวที่จะเข้ามา และเน้นความปลอดภัยเป็นลำดับแรกๆ
ระยะสั้นคาดว่าในช่วงเดือน พ.ย.นี้ น่าจะเริ่มมีคนเข้ามาเที่ยวถ้ำหลวงมากขึ้น ต้องเริ่มเตรียมพร้อมรับมือ จัดระเบียบการจราจร เพื่อควบคุมไม่ให้กระทบต่อแผนฟื้นฟูถ้ำหลวง
ทำโซนนิ่ง-กำหนดจุดห้ามเข้าภายในถ้ำหลวง
รัฐมนตรี ทส.ยังกำชับให้กรมทรัพยากรธรณี ร่วมกับกรมอุทยานฯ ซึ่งเตรียมจะสำรวจถ้ำหลวงระยะทาง 10 กิโลเมตร ในเชิงลึกหลังจากพ้นฤดูฝน โดยทำแผนที่ถ้ำหลวง จุดต่างๆที่มีความเสี่ยง ทำโซนนิ่ง กำหนดเขตท่องเที่ยวภายในถ้ำ กำหนดจุดหวงห้ามเข้าถึงห้ามเข้าพื้นที่อย่างเด็ดขาด และแม้แต่นักวิจัยที่จะต้องเข้ามาสำรวจถ้ำจะต้องแจ้งชื่อและผ่านการตรวจสอบก่อนจะเข้าศึกษา เพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอย
นายทศพร นุชอนงค์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการศึกษาถ้ำหลวงในเชิงลึกและไม่มีข้อมูลทางวิชาการที่เพียงพอเคยมีการศึกษาพื้นที่จากนักสำรวจถ้ำต่างประเทศ แบบไม่ละเอียดระยะยาง 3 - 4 กิโลเมตร ส่วนจุดอื่นๆเช่น หาดพัทยา สามแยก เนินนมสาว และทรัพยากรธรณีสำคัญอื่นๆ จะต้องมีการศึกษาเชิงลึกหลังจากที่ระดับน้ำในถ้ำแห้งลง
ทส.ยังไม่ประกาศถ้ำหลวงเป็นอุทยานแห่งชาติ
ส่วนการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติในอนาคต ต้องขอให้คนในชุมชนมีส่วนร่วม และไม่กระทบกับแนวเขตทำกินของชาวบ้าน ซึ่งนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ยืนยันว่า ก่อนประกาศจากวนอุทยานฯ เป็นอุทยานถ้ำหลวง จะต้องทำประชาพิจารณ์ และศึกษาศักยภาพเชิงพื้นที่ก่อน และถ้ามีพื้นที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ก็จะต้องต้องกันพื้นที่ออก ซึ่งหลายคนออกมาพูดเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ต้องลงทำความเข้าใจกับชุมชน
ขณะนี้จะยังไม่มีความจำเป็นที่จะเร่งรีบการประกาศเลื่อนขั้นจากวนอุทยานถ้ำหลวงฯ เป็นอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง โดยแผนฟื้นฟูและแผนพัฒนาเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวจะยังคงให้ภายใต้ความเป็นวนอุทยานถ้ำหลวงไปก่อน ว่ามีศักยภาพหรือมีอะไรที่ต้องเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งการที่ยังไม่พิจารณาเลื่อนชั้นเป็นอุทยานแห่งชาติไม่เกี่ยวกับความเห็นไม่ตรงกันของภาคประชาชนแต่เห็นว่ายังไม่ใช่ลำดับแรกแรกที่จะต้องดำเนินการตอนนี้