วันนี้ (17 ส.ค.61) ไทยพีบีเอส ขึ้นบินสำรวจพร้อมกับทีมของกองทัพอากาศลาว อีกครั้งเพื่อประเมินสถานการณ์น้ำที่ท่วมขัง ในพื้นที่เมืองสนามไซ หลังจากที่มีการระบายน้ำ จากเขื่อนเซขะหมาน ลงแม่น้ำเซกอง เพิ่มเติมถึง 2 เขื่อน ทั้งจากเขื่อนเซขะหมาน 1 และเขื่อนเซขะหมาน รวมแล้ว 350 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที
จากภาพมุมสูงจะพบว่า พื้นที่การเกษตรและถนนที่เคยเต็มไปด้วยโคลนตมจากเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อยแตก เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้พื้นที่เดิมเหล่านั้นกลับมาเป็นทะเลอีกครั้ง ระดับน้ำท่วมสูงไม่ต่ำกว่า 1 ม.ทำให้เมืองสนามไซทั้งเมืองเป็นเมืองปิด ไม่สามารถเดินทางเข้า-ออกด้วยเส้นทางปกติได้ ส่วนการขนส่งสิ่งของบริจาคอาการน้ำดื่มเพื่อให้กับผู้ประสบภัยในศูนย์พักพิงเมืองสนามไซ ศูนย์พักพิงบ้านตะมะยอด และปินดง ทำได้ด้วยวิธีการเดียวคือ ขนส่งผ่านทางเฮลิคอปเตอร์เท่านั้น
ทีมข่าวไทยพีบีเอสยังได้สอบถามถึงความปลอดภัยของเขื่อนเซขะหมาน 1 และ เขื่อนเซขะหมาน 3 จากนายบุญโฮม พมมะสาน เจ้าเมืองสนามไซ หลังมีกระแสข่าวลือว่า เขื่อนเซขะหมานเคยแตกจนน้ำเอ่อท่วมบ้านเรือนชาวบ้านในเมืองสนามไซและพื้นที่อื่นมาแล้ว ซึ่งเจ้าเมืองสนามไซยืนยันกับทีมข่าวว่าไม่ใช่ความจริง เพราะเขื่อนเซขะหมานเริ่มก่อสร้างมาเมื่อปี 2559 หรือ ปี 2009 ในปีนั้นที่น้ำท่วมสูงเพราะฝนตกหนัก
ส่วนผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากเหตุเซเปียน-เซน้ำน้อยแตกจำนวนไม่น้อย ที่อพยพมาพักพิงในเมืองสนามไซ กลับมาวิตกกังวลอีกครั้ง เมื่อเห็นระดับน้ำในแม่น้ำเซกองเพิ่มสูงขึ้นจนปิดเส้นทาง-เข้าออกเมืองสนามไซ พวกเขาเล่าให้เราฟังว่า ตอนนี้ผู้ประสบภัยหลายร้อยครอบครัว ได้อพยพขนย้ายข้าวของหนีน้ำท่วมเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน เพราะไม่ไว้ใจเขื่อนเซขะหมานที่จะระบายมาเพิ่ม
แม้การระบายน้ำจากเขื่อนเซขะหมานครั้งนี้ จะมีการประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน และแจ้งเตือนปริมาณที่จะระบายน้ำออกมาอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่สามารถทำให้ผู้ประสบภัยมั่นใจว่าพวกเขาจะปลอดภัย เพราะตอนนี้น้ำยังลดลงไม่มาก