วันนี้ (21 ธ.ค.61) สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล จัดพิธีลงนามสัญญาที่พรรคการเมืองขอให้ไว้แก่ประชาชน เพื่อให้พรรคการเมืองปฏิบัติตามจรรยาบรรณ และกฎระเบียบในช่วงก่อนการเลือกตั้ง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างเสรี บริสุทธิ์ ยุติธรรม และ ภายหลังการจัดการเลือกตั้งพรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎรและดำเนินการตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ โดยมีตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาชาติ และอีกกว่า 20 พรรค เข้าร่วม
ขณะที่พรรคพลังประชารัฐไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วม แม้ผู้จัดยืนยันว่าก่อนหน้านี้มีการตอบรับคำเชิญแล้ว ทั้งนี้ สัญญาที่ให้พรรคการเมืองลงนามมีเนื้อหาดังนี้
สัญญาที่พรรคการเมืองขอให้ไว้แก่ประชาชน
ในโอกาสการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562
โดยทำการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมาจากการเห็นชอบของประชาชน ซึ่งแสดงออกผ่านเลือกตั้งที่เสรี สุจริต และเที่ยงธรรม 1 ในการนี้ รัฐ ซึ่งหมายรวมถึงรัฐบาลและคณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องไม่ปิดกันเสรีภาพ เปิดให้ การสังเกตการณ์การเลือกตั้งอย่างกว้างขวาง และต้องปฏิบัติต่อพรรคการเมืองทุกพรรคตามกฎหมายและ กฎระเบียบอย่างเท่าเทียมกัน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องหวงแหนสิทธิการเลือกตั้งของตนและใช้สิทธินี้หลังจากที่ได้ไตร่ตรองอย่างดีที่สุด และที่สำคัญ พรรคการเมืองต้องมีน้ำใจนักกีฬาและแข่งขันกันอย่างยุติธรรม
ในโอกาสการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมาถึงในวันที่ 24 ก.พ.62 เพื่อให้การหาเสียงเลือกตั้งเป็น กระบวนการที่มีจรรยาบรรณ และให้การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเป็นไปโดยเคารพเสียงและความต้องการของประชาชน พรรคการเมืองจึงได้จัดทำ “สัญญาที่พรรคการเมืองขอให้ไว้แก่ประชาชน” ฉบับนี้ขึ้น และขอให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติตามสัญญาที่ลงนามร่วมกันนี้อย่างเคร่งครัดและจริงใจ
ก่อนการเลือกตั้ง พรรคการเมืองขอให้สัญญาว่าจะปฏิบัติตามจรรยาบรรณการหาเสียงเลือกตั้ง ดังนี้
1) จะปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้ง และกฎระเบียบของคณะกรรมการ การเลือกตั้งที่กำหนดขึ้นตามหลักนิติธรรม และตามมาตรฐานสากล
2) จะไม่กระทำการใด ๆ ที่เป็นการซื้อเสียง จะไม่ใช้และพร้อมที่จะต่อต้านการใช้กลไกหรือ ทรัพยากรของรัฐ เพื่อประโยชน์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนน เสียงเลือกตั้ง
3) จะรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งด้วยสันติวิธี และไม่ใช้ความรุนแรงใด ๆ
4) จะไม่ใช้ถ้อยคำและภาษาที่ร้อนแรง จะไม่ให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะไม่ใช้ การข่มขู่ และไม่ใช้วาจาที่ปลุกเร้าให้เกิดความรุนแรง
5) จะเคารพสิทธิของพรรคการเมืองทุกพรรคที่จะรณรงค์หาเสียงโดยปราศจากความหวาดกลัว และการถูกข่มขู่และขอยืนยันว่าจะไม่ไปก่อกวนการรณรงค์หาเสียงของพรรคการเมืองใด ๆ
หลังการเลือกตั้ง พรรคการเมืองขอให้สัญญาว่าจะเคารพเสียงของประชาชน และเร่งดำเนินการ เพื่อให้เกิดความสงบสุขและเป็นธรรม ดังนี้
1) พรรคการเมืองที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีเสียงสนับสนุนเกินกว่ากึ่งหนึ่งของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
2) พรรคการเมืองที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลจะนำนโยบายที่แต่ละพรรคใช้ในการหาเสียงมาบูรณาการกันอย่างจริงจัง และให้ความสำคัญแก่การจัดทำนโยบายร่วมกันนี้ในลำดับก่อนการ จัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี
3) จะสนับสนุนให้รัฐจัดให้มีกลไกที่ใช้หลักของความเป็นธรรมในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อเสนอแนะ การปรองดอง และเยียวยาผู้เสียหายจากการกระทำของรัฐและการกระทำด้วยเหตุจูงใจทาง การเมือง
4) จะสนับสนุนกระบวนการพูตคุยสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้กรอบของ รัฐธรรมนูญเพื่อให้บรรลุข้อตกลงของการอยู่ร่วม กันด้วยความเคารพซึ่งกันและกันและ อย่าง สันติ
5) เพื่อความเป็นธรรมระหว่างการบริหารราชการส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น พรรคการเมืองจะ ดำเนินการให้องค์กรชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจการตัดสินใจในเรื่องของ ท้องถิ่นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และจะพิจารณาโอนงาน งบประมาณ และบุคลากร จากราชการ ส่วนกลางและส่วนภูมิภาคไปสู่ราชการส่วนท้องถิ่นมากขึ้นอย่างเพียงพอ พรรคการเมืองเชื่อว่าการปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้ในที่นี้ จะมีส่วนช่วยสร้างความเข้มแข็ง แก่สถาบันพรรคการเมือง และมีส่วนช่วยสร้างรากฐานที่แข็งแรงแก่ระบอบประชาธิปไตย