วันนี้ (9 ม.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ, นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ และนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ประธานคณะทำงานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมด้วยแกนนำพรรค เปิดตัวรถโมบายหาเสียงเคลื่อนที่รูปแบบใหม่ที่ทำการพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมปล่อยออกหาเสียงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 5 คัน นำร่องการประชาสัมพันธ์นโยบายพรรค และเห็นว่าแม้ยังไม่ปรากฏชัดเรื่องพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้ง หรือการกำหนดวันเลือกตั้ง แต่พรรคไทยรักษาชาติจะไม่รอและพร้อมเดินหน้าเข้าพื้นที่หาเสียงกับประชาชน ด้วยรถโมบายหาเสียงและชุดปฏิบัติการหาเสียง 7 ชุดลงพื้นที่
นายณัฐวุฒิ เปิดเผยว่า รถโมบายหาเสียงของพรรคไทยรักษาชาติขณะนี้มีทั้งหมด 5 คัน เป็นรถนำร่องและเป็นรถเช่าบริการสำหรับการหาเสียง ซึ่งจะวิ่งในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ในกรณีที่มีปราศรัยใหญ่ โดยมีคุณสมบัติสำคัญ คือสามารถทอดภาพบรรยากาศสดจากรถโมบายที่มีการปราศรัยไปยังรถอีก 4 คัน ด้วยระบบเชื่อมต่อสัญญาณภาพได้ พร้อมกันนี้ ยังมีระบบสไกป์สนทนาโต้ตอบอีกด้วย โดยวันนี้มีการทดสอบระบบการสนทนาโต้ตอบผ่านแอปพลิชันสไกป์ ก่อนจะปล่อยขบวนรถออกหาเสียงในพื้นที่กรุงเทพมหานครตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า พรรคไทยรักษาชาติไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนเลือกตั้ง และย้ำข้อเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการเลือกตั้งตามที่เคยประกาศโรดแมปไว้ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อประโยชน์ของประเทศและจากการติดตามข่าวสารพบว่ารัฐบาล และ กกต.ยังไม่สามารถชี้แจงเหตุผลที่ชัดเจนว่าไม่ต้องเลื่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคมีความพร้อมแล้วในการลงสู่สนามเลือกตั้ง
นอกจากนี้ ยังเห็นว่าหากการบริหารประเทศยังคงปกครองโดยรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจรัฐประหาร จะส่งผลกระทบให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้ โดยยังแสดงความห่วงใยในการใช้อำนาจบริหารงบประมาณของรัฐบาลที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคที่บุคคลในรัฐบาลสังกัดอยู่ รวมถึงการใช้อำนาจของรัฐบาลเข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระ หรือใช้กลไกของตำรวจและความมั่นคงเข้าไปดำเนินการกับนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ซึ่งอาจส่งผลให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นไม่ยุติธรรม
นายจาตุรนต์ ระบุอ้างอิงข้อมูลจากฝ่ายกฎหมายของพรรคด้วยว่า มีข้อมูลว่าบางพื้นที่มีนักการเมืองของบางพรรคไปอ้างอิงโควต้าโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของรัฐบาลใช้ในการหาเสียงจำนวน 20,000 ใบ โดยมีเงื่อนไขต้องสนับสนุนพรรคดังกล่าว ซึ่งยังมีข้อมูลด้วยว่ามีการเก็บบัตรประชาชนของประชาชนในพื้นที่ที่เป็นยุทธศาสตร์จุดแข็งของพรรคการเมืองตรงข้าม
ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบระเบียบของ กกต.เรื่องการส่งผู้สังเกตการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้งที่มีบทบาทต่างจากอดีตที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทั้งการโต้แย้งข้อมูล การถ่ายภาพ รวมถึงความชัดเจนเรื่องการเก็บบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งอาจเป็นช่องทางการทุจริตขนานใหญ่ได้ โดยชี้ว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่เป็นผลดีต่อการเลือกตั้ง