สภาพฝุ่นควันพิษที่มีฝุ่นละอองขนาด PM 2.5 ลอยปะปนอยู่ทั่วไปในอากาศทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลเป็นสิ่งที่ชาวกรุงเทพฯ ต้องพบเจอกันอยู่เป็นประจำเกือบทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ปัญหาหนักขึ้น ด้วยสภาพอากาศที่เป็นปัจจัยไม่ให้ฝุ่นละอองเหล่านี้ลอยออกไปจากชั้นบรรยากาศได้
ชั้น 84 บนอาคารใบหยกทาวเวอร์ 2 ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่มองเห็นทัศนียภาพของกรุงเทพมหานคร ได้เกือบครอบคลุม โดยเฉพาะใจกลางเมืองที่ในช่วงเวลาสภาพอากาศแจ่มใส จะเห็นเบื้องล่างเป็นสิ่งปลูกสร้างที่เป็นเอกลักษณ์มากมายในกรุงเทพฯ
แต่ในช่วงนี้ ตามภาพที่เห็นจะมีหมอกขาวโพลนปกคลุมไปทั่ว เรียกได้ว่าเกือบทั้งวันไม่เห็นแสงแดดแม้แต่น้อย ช่วงแรกๆ ก็คิดกันเพียงว่าเป็นแค่ตอนเช้ามืด พอแดดออกก็จะหายไป แต่ช่วงนี้เที่ยงวันแล้วก็ยังไม่เห็นแสงแดดโผล่พ้นกลุ่มก้อนเมฆที่ลอยอยู่บนฟ้า
ความร้อนจากแสงแดดอาจทำให้รู้สึกสบายตัว แต่ไฉนแล้วผลการศึกษาพบว่า ที่แดดไม่ออกเป็นผลมาจากฝุ่นควันที่ละอองเล็กๆ ปะปนลอยอยู่ในอากาศจนไม่สามารถไปไหนได้ หมอกที่อาจจะเคยเข้าใจกันว่าเป็น “หมอกหน้าหนาว” แท้จริงแล้วมันคือ “หมอกพิษ”
อาชีพเกือบทุกอาชีพแน่นอนว่าจะต้องได้ผลกระทบกับสิ่งนี้ แต่อีกอาชีพที่ได้เห็นบนยอดตึกใบหยก 2 นั่นก็คือ “คนเช็ดกระจก”
ขณะนั้นที่ผมรอรายงานข่าวอยู่ เมื่อเห็นยูนิฟอร์มของผู้ชาย 2 คน เดินขึ้นมาบนตึกก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขามาทำอะไรจึงเข้าไปถาม และได้ความว่า
มาเช็ดกระจกครับถ้าอากาศดี ฝนไม่ตกก็เช็ดทุกวัน เช็ดไปเรื่อยๆ จากดาดฟ้าลงไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นช่วงอาทิตย์นี้อากาศก็เป็นแบบนี้ตลอด คล้ายๆ ว่าเป็นควัน หรือจะเป็นหมอกปะปนกัน ก็จะเห็นแบบนี้เป็นประจำ ปีที่ผ่านมาช่วงมกราคมก็จะเห็นหมอกแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้เป็นขนาดนี้ แต่คราวนี้มันเป็นควันพิษ ป้องกันได้ก็ใส่หน้ากาก แม้ก็ป้องกันไม่ได้ 100% แต่ก็ช่วยได้บ้าง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตัวเองและเพื่อนๆ ตื่นตัวพอสมควร ก็กลัวในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ตื่นตระหนกเกินไป
วิทูรย์ สุพรรณ กล่าว
เรียกได้ว่าอาชีพนี้ เป็นอาชีพ “เสี่ยงยกกำลัง 2” อีกอาชีพ เพราะต้องทำงานเสี่ยงบนอาคารสูงแล้ว เขาต้องสูดดมฝุ่นควันพิษที่ลอยอยู่บนอากาศด้านบนเต็มๆ แต่พวกเขาก็ยังต้องทำเพราะนี่ก็เป็นอีกอาชีพที่ยังต้องมีอยู่
เบญจพจน์ ทิพย์กมลแสง ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส