วันนี้ (10 เม.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งปี 2562 ว่า กปภ.ทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท วางมาตรการลดความเสี่ยงขาดแคลนน้ำในหน้าแล้ง เช่น การขุดสระเพื่อให้มีน้ำดิบพอใช้ในระยะเวลา 6 เดือน ไปจนถึงปลายเดือน พ.ค.นี้
จากการกรมชลประทานประเมินน้ำต้นทุนของกรมชลประทาน และแหล่งน้ำสำรองปีนี้กว่า 200 แห่ง ยังคงต้องเฝ้าระวัง 18 จังหวัด 25 อำเภอ ใน 20 สาขา คือ ภาคเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ พิษณุโลก และสุโขทัย, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น หนองบัวลำภู นครราชสีมา บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม, ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และจันทบุรี ส่วนภาคใต้ 3 จังหวัด ได้ แก่ สุราษฎร์ธานี พังงา และภูเก็ต
ส่วนพื้นที่นอกเขตบริการ มีความเสี่ยงขาดแคลนน้ำ 7 จังหวัด 12 อำเภอ ภาคเหนือ 2 จังหวัด เชียงใหม่ และนครสวรรค์, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 จังหวัด ชัยภูมิ นครราชสีมา และเลย ส่วนภาคกลาง 2 จังหวัด กาญจนบุรี และราชบุรี ขณะนี้พบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ น่ากังวล เพราะมี 1 สาขา อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด ที่ต้องจ่ายน้ำเป็นเวลา
20 สาขา ประเมินว่าต้องเฝ้าระวัง แต่มีสาขาเดียวที่บริหารจัดการน้ำเป็นเวลา ส่วนอีกประมาณ 15 สาขา ต่ำกว่าปกติ ซึ่งเป็นแบบนี้ทุกหน้าแล้ง และมีอีก 4 สาขาต้องเฝ้าระวังเรื่องความเค็มของน้ำ
แม้ว่าน้ำดิบผลิตน้ำประปาจะใช้น้ำเพียงร้อยละ 1 ของน้ำเพื่อการเกษตร แต่หากควบคุมการปลูกข้าวนาปรังไม่ได้ ก็มีความเสี่ยงเกิดผลกระทบ ดังนั้นจึงยังต้องจับตาดูว่าเกษตรกรจะลักลอบดึงน้ำไปใช้เกินแผนหรือไม่ เพราะหากว่าฝนทิ้งช่วงก็อาจจะกระทบกับน้ำตุ้นทุนที่สะสมมา
ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาทในการใช้น้ำ สงกรานต์นี้ กปภ.จึงรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัด เนื่องจากยังมีหลายพื้นที่ขาดแคลนน้ำใช้ในหน้าแล้ง